เจ็บตัวจากการผ่าคลอดเบบี๋นับว่าหนักพอแล้ว ถ้ายังต้องเจ็บใจเพราะรอยแผลหลังผ่าคลอดไม่ยอมจางหายสักที งานนี้คงส่งผลต่อสุขภาพจิตของคุณแม่ให้ดิ่งดาวน์เป็นแน่ ไม่อยากกังวลกับรอยแผลผ่าคลอด เรามีทริคดูแลแผลผ่าคลอดให้หายไว ฟื้นตัวเร็ว มาฝาก เพื่อเตรียมพร้อมไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ
เพราะผิวเป็นเรื่องที่เราต้องใส่ใจ แต่บางครั้งก็อาจเผลอเกี่ยวนั่นชนนี่จนมีแผล และถ้าหากดูแลแผลนั้นไม่ดีก็อาจทำให้กลายเป็น “แผลเป็น” ได้ ซึ่งกว่าแผลเป็นจะจางลงก็ต้องใช้เวลาและต้องดูแลให้ถูกวิธีด้วยนะคะ วันนี้สดสวยมีวิธีดูแลรอยแผลเป็นมาฝากกันค่ะ
หลายๆ คนอาจประสบปัญหาอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะล้ม มีบาด แผลไฟไม้ นํ้าร้อนลวก หรือเป็นแผลผ่าตัดต่างๆ จนเกิดเป็น “รอยแผลเป็น” ที่ทิ้งร่องรอยไว้กับตัว ซึ่งการเกิดแผลเป็นในบางจุด เช่น บนหลัง ติ่งหู หน้าอก นั้น เป็นจุดที่มีโอกาสเกิดได้มาก รวมไปถึงบริเวณไหล่ หรือหัวเข่า ก็ถือเป็นจุดข้อต่อที่แผลเป็นอาจจะขยายกว้างขึ้นได้มากกว่าจุดอื่นๆ
แผลเป็นจากสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ และมีหลายลักษณะ อาจทำให้เรารู้สึกไม่มั่นใจได้ เพระนอกจากแผลเป็นจะมีสีที่ต่างกับสีผิวเราอย่างเห็นได้ชัดแล้ว ยังมีความปูดนูน และเห็นได้ชัดเจน ถึงแม้จะพยามปกปิดแล้วแต่อาจจะไม่หมดโดยเฉพาะแผลเป็นที่เรียก “คีลอยด์” ซึ่งค่อนข้างมีขนาดใหญ่ และอาจมีการคันหรือเจ็บอีกด้วย ดังนั้นการรักษาจะเป็นไปตามลักษณะของแผลเป็นที่เป็นมากหรือน้อยตามวิจารณญาณของแพทย์
ช่วงที่ตั้งครรภ์ เชื่อว่าคุณแม่ส่วนใหญ่คงไม่ค่อยได้ใส่ใจเรื่องความงามเท่าไหร่นัก เพราะกลัวว่าการใช้ครีมสุ่มสี่สุ่มห้าอาจส่งผลกระทบกับเบบี๋ในท้องได้ ไม่แปลกที่หลายคนจะหน้าโทรมผิวพัง ฉะนั้น หลังจากเคลียร์ภารกิจคลอดเจ้าตัวเล็กไปแล้ว ก็ถึงเวลาที่คุณแม่จะกลับมาสวยเป๊ะด้วย 5 เคล็ดลับเพื่อผิวใสปิ๊งสวยปังหลังคลอด
รอยแผลเป็นไม่ว่าจะเป็นแผลเล็กหรือใหญ่คงเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่ปรารถนา เพราะทำให้ผิวดูไม่เรียบเนียนและเสียเวลาปกปิด แถมการทำให้รอยแผลเป็นนั้นจางลงค่อนข้างใช้เวลา แต่จะทำยังไงให้เล็กกว่าเดิม เรามาลองดูวิธีแก้ไขปัญหากันเลยค่ะ
หลายคนอาจจะมีแผลเป็นที่แตกต่างกันไปไม่ว่าจะแผลเป็นแบบนูน แบบเรียบ หรือคีลอยด์ ซึ่งหลายๆ คน อาจจะรู้สึกคันบริเวณแผลตอนใกล้หาย แล้วกังวลว่าจะลุกลาม มาทำความเข้าใจกันนิดนึงว่ามันคือ “กระบวนการสมานแผลของผิวหนัง” นั่นเอง เป็นเพราะผิวหนังคือส่วนด้านนอกและส่วนแรกของร่างกายที่เจอกับมลภาวะ อากาศและสิ่งต่างๆ และทำหน้าที่ปกป้องสิ่งต่างๆ ที่จะเข้าสู่ร่างกายนั่นเอง กระบวนการสมานแผลมี 4 ขั้นตอนด้วยกันคือ การห้ามเลือด เส้นเลือดจะถูกบีบให้ไหลช้าลง เกิดการเกาะกันของเกล็ดเลือด…
หลายๆ คนคงมีแผลเป็นอยู่แล้วโดยเฉพาะ แผลเป็นจากโรคอีสุกอีใส ที่เกิดได้เพราะการไอ จาม และติดต่อกันเป็นแพร่กระจายเชื้อไวรัส ใช้เวลาฟักตัวประมาณ 2 อาทิตย์ ทางอากาศและสัมผัส ใช้สิ่งต่างๆ ร่วมกันกับผู้ที่มีเชื้อ สุดท้ายแล้วเมื่อฟักตัว ผู้ที่ได้รับเชื้อจะเริ่มมีอาการปวดหัว อ่อนเพลีย มีไข้ตํ่าๆ ไปถึงไข้สูงและขึ้นๆ ลงๆ อยู่ตลอด รวมถึงไม่อยากรับประทานอาหาร และสิ่งที่เห็นชัดที่สุดของจุดเริ่มต้นการเป็นแผลเป็นคือ เริ่มมีผื่นแดงจนพัฒนาไปเป็นตุ่มนูนน้ำใส ทำให้เกิดอาการคัน ระคายเคืองและอยากเกา ในช่วงนี้ หากใครทนไม่ไหวอาจจะใช้มือและเล็บเกา ทำให้ลุกลามก่อนจะหาย หากไม่มีติดเชื้อแบคทีเรียซํ้าอีก แผลตกสะเก็ดและเริ่มแห้งหลุดไปเองไม่เกิน 2 อาทิตย์ แต่ถ้าติดเชื้อแบคทีเรียอาจมีผลเป็นหนอง และการสัมผัสกับแผลเพื่อบรรเทาอาการคัน อาจะทำให้เกิดแผลเป็น รอยดำนั่นเอง
ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงในช่วงตั้งครรภ์ ไม่เพียงส่งผลต่อระบบต่าง ๆ ภายในร่างกาย แต่ยังทำให้เกิดปัญหาผิวกับเหล่าคุณแม่ตั้งครรภ์ได้ ทั้งผิวหน้าและผิวกาย สร้างความกังวลใจจนเกิดความเครียดขึ้นได้ ฉะนั้นจึงควรเตรียมใจและวิธีรับมือแต่เนิ่น ๆ เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาได้บ้างไม่มากก็น้อย ว่าแต่จะเป็นปัญหาแบบไหนบ้าง เราลิสต์มาให้เรียบร้อยแล้ว
หลายคนคงคุ้นเคยกับปัญหาเรื่อง “รอยแผลเป็น” เพราะด้วยไลฟ์สไตล์, การผ่าตัด, อุบัติเหตุ หรือสาเหตุต่างๆ ที่เป็นที่มาของแผลเป็น แต่รู้หรือไม่ว่าแผลเป็นนั้นแบ่งออกเป็นหลายเภท (อ้างอิงจากบทความของ ผศ.นพ.สรวุฒิ ชูอ่องสกุล คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล) ชนิดของแผลเป็น 3 ประเภทแบ่งตามความผิดปกติ แต่ทั้งสามแบบนี้จะมีสีซีดหรือเข้มกว่าผิวก็ได้ 1. แผลเป็นที่มีลักษณโตนูน 2…