แผลเป็นจากสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ และมีหลายลักษณะ อาจทำให้เรารู้สึกไม่มั่นใจได้ เพระนอกจากแผลเป็นจะมีสีที่ต่างกับสีผิวเราอย่างเห็นได้ชัดแล้ว ยังมีความปูดนูน และเห็นได้ชัดเจน ถึงแม้จะพยามปกปิดแล้วแต่อาจจะไม่หมดโดยเฉพาะแผลเป็นที่เรียก “คีลอยด์” ซึ่งค่อนข้างมีขนาดใหญ่ และอาจมีการคันหรือเจ็บอีกด้วย ดังนั้นการรักษาจะเป็นไปตามลักษณะของแผลเป็นที่เป็นมากหรือน้อยตามวิจารณญาณของแพทย์
การรักษาแผลเป็น
- ใช้ครีมลดรอยแผลเป็น หรือกลุ่มเสตียรอยด์ รวมทั้งกลุ่มที่มีวิตามิน A หรือ E อยู่ด้วย ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มีแผลเป็นแบบแห้งสนิทและไม่ใหญ่มากจนเกินไป สามารถใช้ครีมอย่าง Hiruscar Silicone Pro เป็นเนื้อซิลิโคนในการช่วยลดเลือนรอยแผลได้ มีคุณสมบัติรักษาความสมดุลและชุ่มชื้นให้กับผิว เพื่อไม่ให้เกิดอาการคัน เช่น ตั้งแต่แผลใหม่ ไปจนถึง แผลจากการผ่าตัด, แผลนูน, แผลจากอุบัติเหตุ หรือแม้แต่แผลเป็นบนใบหน้า หรือรอยขีดข่วน ไหม้ โดยควรใช้ตั้งแต่แผลเป็นใหม่ใน 3 เดือนเมื่อแผลหายสนิทดี เพียงแค่ใช้วันละ 2 ครั้งเช้าและเย็น แตะบนแผลเบาๆ ไปในทางเดียวกันจนเข้าเนื้อ เมื่อแห้งสามารถสวมใส่เสื้อผ้าได้ทันที และควรใช้ต่อเนื่อง 2 เดือน แต่หากมีแผลเป็นที่ชัดเจนมากประมาณ 3-6 เดือนขึ้นไปเป็นอย่างน้อย
- เลเซอร์ เหมาะสำหรับรอยแผลเป็นที่ค่อนข้างตื้น
- การผลัดผิว เหมาะสำหรับกระตุ้นทำให้ผิวเกิดใหม่
- ฉีดสารเติมเต็มให้กับแผลที่มีลักษณะเป็นรอยบุ๋มลงไป และเพื่อทำให้แผลตื้นขึ้น
- ฉายรังสี จะเหมาะกับแผลเป็นที่นูนมาก
- การสัก วิธีนี้ใช้กับแผลที่มีสีต่างกับผิว
แต่ทั้งนี้หากแผลที่เกิดจากอุบัติเหตุและได้รับการรักษาแล้วควรระมัดระวังเรื่องความสะอาด และเมื่อเป็นแผลสนิทพร้อมใช้ยาทาแล้วก็ไม่ควรทำให้แผลอับชื้น เพราะอาจติดเชื้อและหายช้าได้ค่ะ
