พร้อมที่จะ “หยุดยั้งความหิว” ไปด้วยกันแล้วหรือยัง???
1.กินเมื่อ… คุณหิว
เวลาร่างกายต้องการเชื้อเพลิง ความรู้สึกเราตอนหิวคือวิธีขอเชื้อเพลิงนี้แต่การไดเอตมาหลายปีคุณไม่สามารถจับคิวความหิวและไม่ค่อยไว่ใจตัวเองแล้วมักเมินคิวการกินไปซะ ให้หวนกลับไปสัมผัสกับร่างกายว่าการเป็นไง คนแต่ละคนต่างกันไป คุณอาจรู้สึกท้องว่างเปล่า หหรือท้องร้องครางขณะคนอื่นอาจขาดสมาธิ วอกแวก ถ้าไม่แน่ใจให้หวนคิดว่าคุณกินครั้งสุดท้ายเมื่อใด ถ้าไม่ได้กินอาหารมาเกิรสามชั่วโมงแล้วก็น่าจะมีสัญญาณบ่งบอกว่าร่างกายต้องการพลังงานและถึงเวลากินอาหารแล้ว
2.อย่าทนหิวเกินควร
คุณอาจจะกินไม่ยั้งเวลาหิวสุดขีด ทางที่ถูกควรกินตั้งแต่สัญญาณบ่งบอกแรกว่าหิวพร้อมจะกินอาหารแล้ว สิ่งสำคัญในการปรับคิวการกินคือ พัฒนาความตระหนักในตัว จดบันทึกเวลาที่เรากิน สิ่งที่กินแล้วให้ระดับความหิวของคุณหิวจัดอยู่ในระดับ0 คือกลางๆ ไม่หิวหรืออิ่ม อิ่มแปล้อยู่ในระดับ 5 ซึ่งคุณกินมากเกินไป การจดสัญญาณนี้เพื่อดูว่าคุณเปลี่ยนจาก 5 4 และ 3 ความรู้สึกหิวคือสัญญาณบ่งบอกว่าถึงเวลาต้องกินแล้ว ถ้าปล่อยให้ความหิวขึ้นระดับ 2 จะเริ่มหิวแบบอึดอัดและ 1-0 คุณหิวโหยให้ตั้งเป้ากินอาหารเมื่อหิวถึงระดับ 3
3.ใส่ใจเวลากิน
ถ้าคุณดูทีวี ทำงานหรือเล่นเฟชบุ๊ค ขณะกินคุณอาจพลาดสัญญาณบ่งบอกว่าอิ่มแล้ว กินมากเกินควรให้ตั้งเป้าว่าจะมุ้งเน้นเรื่องอาหาร กินด้วยความตระหนัก ปิดทีวี ปิดคอมพิวเตอร์ เปิดเพลงเบาๆ จัดโต๊ะอาหารแม้จะเป็นแค่สลัด กินขช้าๆ ดื่มด่ำกับทุกคำ
4.สัมผัสความอิ่ม
คุณอาจอธิบายได้ดีกว่าความอิ่มแปร้เป็นไง แต่รู้ไหมว่าอิ่มแบบสบายท้องเป็นไง? ถ้าไม่รู้ก้องระหนักถึงเรื่องการกินซะ คราวหน้าขณะกินอาหารหรือของว่าง ให้หยุดแล้วสำรวจร่างกายดู ถามตัวเองว่าระดับหิวลิ่มของฉันอยู่ระดับไหน? ฉันยังหิวยุหรือเปล่า? รึหายหิวไปแร้วเริ่มรู้สึกพอใจ? ถ้ายังหิวกินต่อไป เมื่อกินเสร็จให้จดโน๊ตระดับความอิ่มว่าอยู่ในระดับใด อิ่มสบายๆ หรืออิ่มแปล้ไปแล้วขนาดไหน? ปานกลางอยู่ระดับ5,6,7 จัดว่าอิ่มพอแร้ว ระดับ 8 คือเต็มที่ ระดับ 9 คือมากเกินไป และระดับ10 จะเริ่มไม่สบาย หั้งเป้าคำสุดท้ายในระดับ6 พอถึงระดับนี้ให้หยุด วางช้อนส้อม ผลักจานออกไปเป็นการเตือนตัวเองว่าจะหยุดกินแล้ว
5.กินสิ่งที่คุณต้องการ
ยากจะเชื่อได้ว่านี้ใบสั่งการควบคุมน้ำหนักอันควร แต่จัดเป็นสิ่งสำคัญในการกินอย่างรู้งาน เมื่อยอมให้ตัวเองกินสิ่งที่อยากกิน อร่อยกับอาหารนั้นเท่ากับคุณสลัดความรู้สึกผิดและพึงพอใจ มีความสุขแทนที่กินมากเกินควร เช่น คราวหน้าถ้ารู้สึกอยากกินชิปมันฝรั่งเป็นอาหารกลางวันก็กินไปเถอะ กินอย่างใส่ใจและสังเกตว่ารู้สึกอิ่มแค่ไหน การกินสิ่งที่อยากกินจัดเป็นสิ่งที่ดีกว่าการทนกินสลัดซึ่งจะส่งผลให้ท้องร้องตอนบ่ายด้วยความหิว ดังนั้น ควรเลอกอาหารที่ชอบดีกว่า
6.กินบ่อยๆ เท่าที่ต้องการ
การกินอย่างรู้งานจะทำให้คุณเป็นมิตรกับอาหารได้ ตอนนี้กินได้โดยไร้เงื่อนไขและมากเท่าที่จำเป็นเพื่อสนองร่างกาย จะพบว่าเมื่อปรับตนเข้ากับร่างกายได้โดยการกินอาหารมื้อเล็กๆ หกเจ็ดมื้อทุกสองชั่วโมงแทนการกินมื้อใหญ่ๆ ห่างกันห้าชั่วโมงซึ่งทำให้คุณอึดอัดแสบท้อง ให้ดูว่าเวลาเท่าไหร่เหมาะสมกับร่างกายตัวเอง กินเฉพาะเมื่อหิวและหยุดเมื่อพอใจว่าอิ่มกำลังดีแล้ว
7.รับรู้อารมณ์ความอยากอาหารของตน
ไม่ได้ช่วยอะไรเลยกับการใช้อาหารเป็นัวเติมช่องว่างทางอารมณ์ให้เต็มหรือเพื่อเลี่ยงจากการรับอารมณ์รวดร้าว ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาแถมยังการกินมาเกินควรทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นอีกด้วยคุณจะไม่การอาหารดับอารมณ์อีกต่อไปถ้าเรียนรูวิธีรับมือความยุ่งยากนี้ ให้รับรู้พลังงานผลักดันในการกินมากเกินควรนั้นซึ่งจะกินเมื่อคุณรันทดจากอารมณ์ไม่สบายใจอึดอัด
แทนที่จะเลี่ยงอารมณ์นี้ด้วยการกิน ให้ดูว่าคุณสามารถสำรวจอารมณ์นี้ซ่อนอยู่ตรงไหนของตัวคุณออย่าตีความรู้สึกของตัวเองว่า ”ดี” หรือ ”ไม่ดี” แค่มีความตระหนักก็พอถามตัวเองว่ามีความพิเศษไหนที่กระตุ้นความทรงจำหรือความเชื่อมโยงหรือบทสนทนาเฉพาะ พยายามจับความรู้สึกนั้นโดยไม่ต้องกินแค่นั่งคิดถึงความรู้สึกหนึ่งนาทีอาจยาวนานพอทีจะช่วยลดความหนักหนาสาหัสและค้นพบทางแก้ไข