ฟันเป็นอวัยวะที่ธรรมชาติสร้างขึ้นให้เราใช้เคี้ยวอาหาร เป็นอวัยวะที่ต้องการความเอาใจใส่ดูแลรักษาให้อยู่ในสภาพที่ดีอยู่เสมอ ไม่เช่นนั้นอาจก่อให้เกิดโรคขึ้นกับฟันโดยเฉพาะโรคฟันผุ ซึ่งจะทำให้มีอาการปวดเจ็บทรมาน อักเสบ ติดเชื้อ ไปทั่วทั้งปาก บางครั้งบางคราวอาจลุกลามใหญ่ไปยังอวัยวะอื่นๆ กลายเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคของระบบอื่นๆ เช่น โรคหัวใจ โรคไต โรคกระเพาะอาหาร เป็นต้น
สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคฟันผุ คือ คราบเศษอาหาร คำถามต่อมาคือ คราบพวกนี้มาจากไหน คำตอบคือ มาจากอาหารที่เรากินกันอยู่ทุกมื้อนี่เอง ฟันจะดีมีความแข็งแกร่งหรือเกิดเป็นโรคฟัน ย่อมขึ้นอยู่กับอาหารที่เรากินกันอยู่เป็นประจำด้วย
อาหารที่มีความสัมพันธ์กับฟันเป็นอย่างมาก คือ อาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรท ได้แก่อาหารจำพวกแป้งและน้ำตาลทั้งหลาย เช่น ข้าว ขนมปัง รวมไปถึงของหวานต่างๆซึ่งมีลักษณะนุ่ม เคี้ยวง่าย แต่มักจะจับคลุมอยู่ตามซอกฟันหรือผิวฟัน เป็นคราบแฉะๆ ลื่น ๆ ไม่สะดุดความรู้สึกของลิ้น ทำให้เราไม่รู้ตัวว่าฟันของเราสกปรก บางชนิดก็มีลักษณะเหนียว เช่น ลูกกวาด ลูกอม ก็จะยิ่งจับผิวฟันได้แน่นขึ้นไปอีก เหล่านี้เป็นอาหารที่เสริมให้เกิดโรคฟันผุได้ง่าย รวมไปถึงโรคของเหงือกเพราะมันมีปฏิกิริยากับเชื้อแบคทีเรียในปาก เกิดเป็นกรดขึ้นในน้ำลาย ทำลายฟันให้เป็นรูผุ อีกทั้งยังเป็นที่จับของตะกอนแคลเซียมในน้ำลาย เกิดเป็นคราบหินปูนแข็งๆ รอบคอฟัน ก่อให้เกิดการระคายจนขอบเหงือกเป็นแผล เกิดเป็นโรคเหงือกอักเสบ
สำหรับอาหารที่ไม่ค่อยทำให้เกิดฟันผุและเหงือกอักเสบ ได้แก่ อาหารพวกโปรตีน ไขมัน ผักและผลไม้ สำหรับอาหารประเภทเนื้อสัตว์นั้น ขณะกิน ต้องออกแรงเคี้ยวช้าๆ ใช้ฟันบดให้แหลกจึงจะกลืนได้ ทำให้ก้อนอาหารต้องถูก บด ไปกับผิวฟัน จึงเท่ากับเป็นการขัดผิวฟันไปด้วยในตัว ส่วนผักและผลไม้นั้นมีกาก มีใย ขณะที่เคี้ยวกินใยของมันจะถูขัดไปกับผิวฟัน ช่วยให้ผิวฟันสะอาดแม้จะมีความหวานอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ติดเป็นคราบบนผิวฟัน จึงไม่ก่อให้เกิดโรคของฟันและเงือก