“น้ำผึ้ง” หมายถึง ของเหลวรสหวานซึ่งผึ้งผลิตขึ้นจากการดูดน้ำหวานที่มีอยู่ในเกสรดอกไม้หรือจากพืชที่ผึ้งนำมาสะสมไว้ในรวงผึ้ง ผ่านขั้นตอนทางธรรมชาติของผึ้ง จนได้เป็นน้ำหวานที่หอมหวาน และมีสรรพคุณที่มีประโยชน์ทั้งต่อร่างกายและผิวพรรณ ปัญหาคือน้ำผึ้งที่เรากินหรือทาผิวสะอาดได้มาตรฐานหรือไม่?
นพ.สุขุม กาญจนพิมาย อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า…
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้รับตัวอย่าง น้ำผึ้งจากป่าในจังหวัดบุรีรัมย์ที่เป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์เดือนพฤษภาคม 2560 จำนวน 3 ตัวอย่าง ได้แก่ ตัวอย่างที่ 1 น้ำผึ้งสีเขียวและตัวอย่างที่ 2 น้ำผึ้งสีเหลืองได้รับจากผู้สื่อข่าว และตัวอย่างที่ 3 น้ำผึ้งสีเขียวได้จากสำนักงานสาธารณสุขอำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ และมอบให้สำนักคุณภาพและความปลอดภัยอาหาร ตรวจวิเคราะห์
ผลการตรวจวิเคราะห์น้ำผึ้งทั้ง 3 ตัวอย่าง พบว่า น้ำผึ้งทั้ง 3 ตัวอย่างดังกล่าวมีคุณภาพไม่เป็นไปตามมาตรฐาน ด้านเคมี ตรวจพบ ค่าความชื้นมากกว่าค่ามาตรฐาน คือ เกินกว่าร้อยละ 21 ของน้ำหนัก และพบสีสังเคราะห์ในตัวอย่างน้ำผึ้งสีเขียว โดยมาตรฐานห้ามใช้สี ส่วนจุลชีววิทยา พบ ยีสต์และรา มากกว่าค่ามาตรฐานยีสต์และรา ซึ่งกำหนดไม่เกิน 10 cfu ต่อน้ำผึ้ง 1 กรัม
นอกจากนี้ ผลการตรวจวิเคราะห์และลักษณะตัวอย่างของน้ำผึ้งที่ส่งตรวจวิเคราะห์ ยังพบว่า น้ำผึ้งมีความหนืดน้อยกว่าน้ำผึ้งปกติ แสดงว่า น้ำผึ้งถูกเจือจาง อันเป็นสาเหตุทำให้น้ำผึ้งมีความชื้นเกินมาตรฐาน และยังมีค่าไดแอสเตสแอกติวิตีต่ำกว่ามาตรฐาน และพบการเติมสีอินทรีย์สังเคราะห์ และพบยีสต์และราเกินเกณฑ์มาตรฐาน อันเป็นสาเหตุให้น้ำผึ้งเกิดการเน่าเสียง่าย
วิธีการเลือกซื้อน้ำผึ้ง
- ความสะอาด คือ ไม่มีเศษละอองเกสร เศษตัวอ่อนหรือดักแด้ปะปนอยู่
- มีสีอ่อนใสตามธรรมชาติ ไม่แยกชั้น มีสีเดียวกลมกลืนไปทั้งหมด
- มีความหนืดหรือมีความเข้มข้น
- ฉลากข้างขวด ควรมีรายละเอียดแสดงน้ำหนักสุทธิ เครื่องหมายการค้า วันที่ผลิต วันหมดอายุ สถานที่ผลิต ชื่อผู้ผลิต และเครื่องหมายรับรองคุณภาพจากหน่วยงานราชการที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้
สำหรับการเก็บรักษาน้ำผึ้ง ควรเก็บน้ำผึ้งในที่เย็น และไม่โดนแสงแดด แต่ไม่ต้องเก็บในตู้เย็น ทั้งนี้ไม่ควรเก็บนานเกินกว่า 2 ปีนะคะ แต่ถ้าเป็นน้ำผึ้งที่มีความชื้นสูงควรบริโภคให้หมดภายใน 1-2 เดือนค่ะ