ก่อนการขับรถทางไกลช่วงสงกรานต์ ควรเตรียมร่างกายให้พร้อม เลือกกินอาหารให้เหมาะสม เพื่อป้องกันอาการง่วง เหนื่อยล้า และอ่อนเพลีย จนเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ นอกจากนี้ การนั่งขับรถท่าเดิมนาน ๆ หรือนั่งขับรถด้วยท่าทางที่ไม่ถูกต้อง อาจทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย หรือปัญหาสุขภาพในระยะยาวได้

ทริคดูแลสุขภาพร่างกายให้พร้อมก่อนขับรถทางไกลช่วงสงกรานต์                  

1. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอก่อนวันเดินทาง อย่างน้อย 6 – 8 ชั่วโมง

2. ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ 6 – 8 แก้วต่อวัน โดยเน้นจิบบ่อย ๆ ระหว่างเดินทาง

3. เพิ่มความสดชื่นด้วยการกินผลไม้สดหรือดื่มน้ำผลไม้คั้นสดรสเปรี้ยวที่เป็นแหล่งวิตามินซี เช่น ส้ม ฝรั่ง มะม่วงดิบ หรือสับปะรด เนื่องจากวิตามินซีจะช่วยต้านความเหนื่อยล้าที่มาจากความเครียดและความกังวลขณะขับรถได้ 

4. ควรกินอาหารประเภทข้าวแป้งในปริมาณที่อิ่มพอดี เพราะจะทำให้รู้สึกง่วงได้ง่าย

5. หลีกเลี่ยงกินผักที่ย่อยยาก เช่น กะหล่ำปลีดิบ ดอกกะหล่ำ ถั่ว หอมใหญ่ หน่อไม้ฝรั่ง และมันฝรั่ง เป็นต้น งดเครื่องดื่มที่มีฟอง เช่น โซดา หรือน้ำอัดลมผสมโซดา เพราะมีผลทำให้ท้องอืดเฟ้อและง่วงนอนได้เช่นเดียวกัน

สำหรับการดื่มกาแฟหรือเครื่องดื่มชูกำลังเพื่อหวังผลให้ร่างกายตื่นตัว สามารถขับรถต่อเนื่องได้นานนั้น ไม่ใช่วิธีที่ดีต่อร่างกายนัก เนื่องจากหากดื่มกาแฟมากกว่า 4 แก้วต่อวัน จะทำให้ร่างกายได้รับคาเฟอีนมากถึง 500 – 1,000 มิลลิกรัม ส่งผลให้เกิดอาการหัวใจเต้นเร็ว มือสั่น ใจสั่น คลื่นไส้ หลังจากดื่มกาแฟไปแล้วประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมงคาเฟอีนจะออกฤทธิ์ ทำให้ปัสสาวะบ่อยขึ้น ร่างกายต้องสูญเสียเกลือแร่ คือ โซเดียมและแคลเซียมออกมาทางปัสสาวะมากขึ้นด้วย

ส่วนเครื่องดื่มประเภทชูกำลังมีปริมาณคาเฟอีน 50 มิลลิกรัมและมีปริมาณน้ำตาล 25-26 กรัมต่อขวด แม้หลายคนจะมีความเชื่อว่า เครื่องดื่มชูกำลังจะทำให้ร่างกายตื่นตัว ไม่ง่วง จึงเป็นสาเหตุให้ละเลยการพักผ่อน ทำให้ยิ่งอ่อนล้าจนมีอาการมึนงง อีกทั้งยังส่งผลให้หัวใจเต้นเร็ว หายใจถี่ การดื่มกาแฟและเครื่องดื่มชูกำลังเป็นประจำ จะส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือดได้

ทั้งนี้ ก่อนขับรถควรปรับการนั่งขับรถให้ถูกต้อง โดยเลื่อนเบาะที่นั่งให้อยู่ในระดับเหมาะสมกับตนเอง หลังพิงพนักพอดี ไม่นั่งห่างหรือชิดพวงมาลัยเกินไปเพราะจะทำให้หลังโค้ง พิงพนักไม่ได้ หรือพิงได้แต่เวลาขับต้องเหยียดแขนและเข่ามากขึ้นเป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการปวดหลัง ซึ่งหากปวดหลังเป็นเวลานานและไม่ดูแลอย่างถูกวิธี อาจทำให้เสี่ยงปวดหลังถาวรได้

โดยระหว่างการเดินทาง ผู้ขับรถยนต์สามารถลดอาการเมื่อยล้าได้แม้อยู่ในรถ ขณะที่รถหยุดนิ่ง หรือในช่วงรถติดได้ด้วยการบริหารร่างกายง่าย ๆ เช่น ท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อคอ ให้เอียงคอลงมาด้านข้าง เข้าหาหัวไหล่ให้ฝั่งตรงข้ามรู้สึกตึง ทำค้างไว้ประมาณ 15 วินาที จากนั้นสลับปฏิบัติด้านตรงข้าม ท่ายืดเหยียดกล้ามเนื้อคอด้านหลังให้ค่อย ๆ ก้มศีรษะเข้าหาลำตัวจนรู้สึกตึงบริเวณลำคอด้านหลัง ลำตัวตรง ค้างไว้ประมาณ 15 วินาที ท่ายืดไหล่ ทำได้โดยนั่งยืดตัว แล้วบีบไหล่ยกขึ้นไปหาใบหู ค้างไว้ นับ 1-2 แล้วเอาลง จากนั้นทำซ้ำ 5 ครั้ง ท่าบิดตัว ทำได้โดยนั่งยืดตัวตรงขึ้น มือจับที่ขอบเบาะแล้วบิดตัวไปข้างใดข้างหนึ่งค้างไว้ นับ 1-5 จากนั้นสลับ ปฏิบัติอีกข้างทำประมาณ 5 ครั้ง ก็จะช่วยให้รู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้น

นอกจากเตรียมสุขภาพร่างกายให้พร้อมแล้ว อย่าลืมเช็คสภาพรถก่อนขับรถทางไกล รวมถึงคาดเข็มนัดนิรภัยทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย ขณะขับรถทั้งผู้ขับขี่แลผู้โดยสาร