ในทางอายุรเวทธาตุที่จะทำงานหลักๆ หลังมื้ออาหารคือ ธาตุไฟมีหน้าที่ย่อยอาหารและแปรเปลี่ยนเป็นพลังงานต่อไป (ลองสังเกตุดูสิเวลาเราหิวตัวจะร้อนเพราะธาตุไปเตรียมอุ่นตัวเองก่อนเริ่มทำงาน) คล้ายเตาปฎิกรณ์และส่งพลังงานให้ร่างกายไว้ใช้ระหว่างวัน
แปลว่าหากเราทำลายการทำงานของไฟ (ด้วยน้ำมากๆ หรือนำเย็น) ร่างกายก็จะเสียความสมดุลในทันทีซึ่งในที่นี้ไม่ต่างจากการเอานำดับไฟนั่นเอง ทั่งนังเป็นเรื่องที่เราทำกันจนเสียนิสัยอีกด้วยกับการดื่มน้ำมากๆ หลังอาหารรวมทั้งการดื่มนำเย็นจัดหรือน้ำอัดลมระหว่างมื้อ
หากเรายังดื่มน้ำเย็นอะไรจะเกิดขึ้น?
ผลก็คือร่างกายจะหยุดการย่อยไว้ก่อน กระเพาะช็อกเกร็งจากความเย็น แล้วให้ธาตุไฟอุ่น น้ำและอาหารในท้องทั้งหมดก่อนจากนั้นค่อยเริ่มกระบวนการย่อยซึ่งเท่ากับว่าระหว่างที่รอให้ท้องอุ่นนั้นอาหารเกิดการบูดเน่าทำให้เกิดแก๊สและลมแล้วร่างกายในเวลานี้จึงมีลมกระจายอยู่ทั่วร่างกายอาจถูกระบายออกด้วยการผายลมบ้าง เรอบ้าง และบางส่วนที่ระบายออกไม่ได้ก็จะกระจายไปตามเส้นต่างๆ
ซึ่งสิ่งนี้เองเป็นสาเหตุของการปวดหัว บ่า ไหล่ แบบไม่ทราบสาเหตุน้อยคนที่จะรู้ว่าลมในร่างกายทำให้เราป่วยไข้ได้การรักษาในแผนตะวันออกจึงมีเรื่องการนวดรีดเส้นเข้ามาช่วยนั่นเอง
เมื่อรู้ว่าร่างกายต้องการไฟในการย่อยการดื่มนำระหว่าง/หลังมื้อที่เหมาะสมจึงเป็นการดื่มนำอุณภูมิปกติและดื่มเล็กน้อยแค่พอช่วยย่อยจากนั้นทิ้งให้ร่างกายอบอุ่นและให้ไหทำงานตามธรรมชาติ ผลลัพธ์คือ การย่อยทำงานตามปกติแล้วค่อยดื่มนำมากหรือน้ำเย็นระหว่างวันแทน
ส่วนคนที่มีอาการปวดแบบนี้บ่อยๆ อาจลองสังเกตุการดื่มน้ำของตนเองดูว่าดื่มน้ำมากหรือดื่มน้ำเย็นระหว่างมื้อหรือไม่? รวมทั้งคนที่ท้องอืดท้องเฟ้อบ่อยๆ เพราะลมเกิดขึ้นได้จากการดื่มนำไม่เป็นพอๆ กับระบบย่อยที่ผิดปกติทั้งนี้การดื่มน้ำเย็นนั้นทำได้แต่ควรเป็นระหว่างวันทางที่ดีที่สุดนั้นควรดื่มน้ำอุณภูมิปกติให้ได้ไปทั้งวันเพื่อสุขภาพที่สมดุลและแข็งแรง