อย่าพึ่งประหลาดใจว่าทำไมอาหารที่เราคุ้นเคยกลับถูกห้ามไม่ให้ทานทุกวัน ทั้งๆ ที่ก็ไม่น่ามีโทษอะไรมากมาย ซึ่งเหตุผลคงมาจากการรับประทานอะไรที่มากเกินไปจะทำให้สารอาหารภายในร่างกายเสียความสมดุล และนี่คืออาหารที่เรากำลังพูดถึง
1.เนื้อสัตว์แปรรูป
เนื่องจากในเนื้อสัตว์แปรรูปมีสารก่อมะเร็ง จึงทำให้ต้องจำกัดการรับประทาน ยังไงหันมาทานเนื้อสัตว์ธรรมดาดีกว่านะ
2.ปลาทูน่า
ปลาทูน่าแสนอร่อยกลับพบว่ามีสารปรอทสูงซึ่งอาจไปทำลายพัฒนาการของเด็กและกระตุ้นให้เกิดอาการหัวใจวายในผู้ใหญ่ได้ ดังนั้นควรรับประทานเพียงสัปดาห์ละ 1 ครั้งพอ
3.น้ำผลไม้ปั่น
น้ำผลไม้ปั่นหอมหวานอร่อยดื่มชื่นใจดับกระหายคลายร้อน แต่ต้องห้ามไม่ให้ดื่มทุกวันเพราะเต็มไปด้วยน้ำตาลนั่นเอง ลองลดน้ำตาล ลดปริมาณผลไม้ลงแล้วเพิ่มผักให้มากขึ้นก็จะดีต่อสุขภาพสามารถดื่มได้บ่อยๆแล้ว
4.ผักตระกูลกะหล่ำปลี
ไม่น่าเชื่อว่าผักคะน้า บร็อคโคลี่ และกะหล่ำดอกที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและสารอาหารอื่นๆ จะถูกห้ามไม่ให้ทานบ่อยเกินไป ซึ่งก็เป็นเพราะอาจทำให้เป็นโรคพร่องไทรอยด์ฮอร์โมนได้นั่นเอง แต่หากคุณรู้สึกขาดผักคะน้าไม่ได้ก็ลองนำมาปรุงให้สุกก่อนจะได้ช่วยลดสารที่ทำให้เกิดโรคคอพอกได้
5.อาหารกระป๋อง
อาหารกระป๋องของโปรดของหลายๆคน แต่อย่าทานบ่อยไม่เช่นนั้นสารเคมีอันตรายจะสามารถสร้างความเสียหายได้ในระยะยาว อย่างเช่นตัวกระป๋องที่ประกอบด้วยสาร BPA อาจทำให้เป็นโรคหัวใจ โรคอ้วนและโรคเบาหวานได้
6.เครื่องปรุงรส
เครื่องปรุงรสทำให้อาหารรสชาติดีอย่าง มายองเนสและซอสมะเขือเทศอาจดูเหมือนไม่มีอันตราย แต่หากรับประทานเป็นประจำ ผลกระทบจากส่วนผสมที่ไม่ดีต่อสุขภาพจะเริ่มสะสมมากขึ้น ซึ่งส่วนผสมที่มีปัญหา เช่น น้ำเชื่อมข้าวโพดฟรุกโตส ผงชูรส และกรดไขมันโอเมก้า-6 ซึ่งหากรับประทานมากเกินไปจะทำให้เกิดการอักเสบ ความผิดปกติของสมอง เฉื่อยชา ปัญหาหัวใจและหลอดเลือด และความไม่สมดุลทางอารมณ์ท่ามกลางภาวะแทรกซ้อนอื่นๆได้
ถึงจะรักจะชอบอาหารพวกนี้อย่างไรก็หยุดๆทานบ้างนะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน!