“โรคตาแห้ง” อาการป่วยยอดฮิตที่มาพร้อมลมหนาว

0

อย่ามัวแต่ดี๊ด๊าที่ได้สัมผัสกับลมเย็น ๆ ของฤดูหนาวจนลืมใส่ใจสุขภาพ เพราะช่วงอากาศหนาวที่มาถึงนี้ นอกจากทำให้ผิวพรรณแห้งแตกเป็นขุยแล้ว ลมหนาวและแสงแดดที่ร้อนจัดยังทำให้เกิดปัญหากับดวงตาได้ หนึ่งในอาการเจ็บป่วยยอดนิยมที่มักเกิดขึ้นกับหลาย ๆ คนในช่วงหน้าหนาว คือ “ตาแห้ง”

โรคตาแห้ง (Dry eye) เป็นโรคของผิวหน้าดวงตา เนื่องจากน้ำตาเป็นองค์ประกอบหนึ่งของผิวหน้าดวงตา โดยลักษณะสำคัญของโรคตาแห้งคือ การสูญเสียสภาวะสมดุลของน้ำตา ควบคู่กับการมีอาการทางตา ซึ่งอาการทางตาหมายถึง ระคายเคืองตา ตาแดง น้ำตาไหล กระพริบตาบ่อย ตามัว การมองเห็นที่ผิดปกติไป และความไม่เสถียรของน้ำตา สาเหตุหลักมาจากการที่ต่อมน้ำตาไม่สามารถผลิตน้ำตาได้เพียงพอ ไม่สามารถรักษาความชุ่มชื้นของดวงตาได้ นำมาสู่อาการอักเสบ ระคายเคือง และอาจเกิดการทำลายพื้นผิวดวงตาได้

ช่วงหน้าหนาวอากาศจะแห้งและเย็นมีผลให้น้ำที่หล่อเลี้ยงลูกตาตามธรรมชาติระเหยไปได้ง่ายกว่าปกติ ปัญหานี้อาจเกิดได้กับทุกคน โดยแต่ละคนจะมีอาการและความรุนแรงของโรคแตกต่างกัน เมื่อน้ำหล่อเลี้ยงลูกตาระเหยอาจไม่แสดงอาการผิดปกติหรือแสดงอาการผิดปกติ เกิดอาการระคายเคืองตา เหมือนมีฝุ่นทรายเข้าตา ทำให้เกิดมีอาการตาแดง แสบตา น้ำตาไหล กระพริบตาบ่อย โดยอาการอาจคล้ายโรคภูมิแพ้ขึ้นดวงตา กรณีตาแห้งรุนแรงที่สุดจะมีอาการอักเสบ ปวดแสบปวดร้อนบริเวณดวงตา เคืองตาอย่างรุนแรง ตาพร่ามัว

สำหรับกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสเกิดปัญหาตาแห้ง คือ กลุ่มผู้สูงอายุผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์ กลุ่มบุคคลที่ทำงานอยู่กลางแจ้ง กลุ่มที่ทำงานต้องเพ่งนาน ๆ เช่น อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นาน ๆ ในกลุ่มที่รับประทานยาบางอย่างซึ่งอาจทำให้ตาแห้งง่ายกว่าปกติ เช่น ยาลดความดัน ยาแก้แพ้ ดังนั้น หากมีปัญหากับดวงตาหรือมีอาการผิดปกติควรพบจักษุแพทย์

สำหรับวิธีบรรเทาอาการตาแห้ง ทำได้ด้วยการประคบเย็นบริเวณดวงตา โดยนำผ้าไปแช่ในตู้เย็น หรือชุบน้ำเย็นมาวางทาบโดยไม่ต้องกด ขยี้ หรือคลึง โดยวางผ้าตั้งแต่ขมับซ้ายมาขมับขวาทาบทับหน้าผาก ตา และจมูก ทำติดต่อกันประมาณ 20 นาที จะช่วยให้อาการดีขึ้น โดยสามารถทำได้บ่อย ๆ อย่างไรก็ตาม หากใช้วิธีประคบเย็นแล้วอาการตาแห้งยังไม่หาย ผู้ป่วยควรรีบไปพบจักษุแพทย์ทันที

การดูแลดวงตาไม่ให้มีอาการตาแห้ง ทำได้ 4 วิธี คือ

1. หลีกเลี่ยงการออกแดด หรือการโดนลมแรง ๆ ปะทะดวงตาโดยตรง เช่น ลมจากพัดลม เครื่องปรับอากาศ ที่เป่าผม

2. สวมแว่นกันแดดหรือหมวกทุกครั้งที่ออกแดด หรืออยู่ในสถานที่ที่มีลมแรง

3. ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อร่างกายเพื่อทำให้ตาชุ่มฉ่ำ และเพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำเวลาอยู่กลางแจ้ง

4. รับประทานอาหารที่มีวิตามินเอสูง เช่น ผักบุ้ง มะละกอ แครอท หรือมีกรดไขมันโอเมก้า 3 สูง เช่น ปลาทะเลน้ำลึก น้ำมันรำข้าว เนื่องจากในกลุ่มเด็กนั้นสามารถที่จะเกิดอาการตาแห้งได้จากการไม่ได้รับประทานผักและผลไม้ที่เพียงพอ

แม้ว่าอาการตาแห้งไม่ได้ส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อดวงตามากนัก แต่สร้างความรำคาญให้กับผู้ป่วยมากกว่า ดังนั้น ควรที่จะรู้จักกับอาการตาแห้งเพื่อจะสามารถรักษาเบื้องต้นได้ด้วยตัวเอง ทั้งนี้ หากมีอาการที่รุนแรงควรไปพบจักษุแพทย์

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *