เรารู้ดีกันว่า การติดหวานหรือติดน้ำตาล นั้น ส่งผลเสียกับสุขภาพ และการดีท็อกซ์น้ำตาลอาจทำให้เกิดอาการทางร่างกายและจิตใจที่ไม่พึงประสงค์ ร่างกายมีปฏิกิริยาต่อการเลิกใช้น้ำตาลต่างกันในแต่ละคน โดยอาการและความรุนแรงใดๆ ที่พบนั้นมักขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำตาลที่บริโภค
Sugar withdrawal หรืออาการการถอนสามารถอยู่ได้ตั้งแต่ 2-3 วัน ไปจนถึง 2 สัปดาห์ และเมื่อร่างกายของเรายิ่งปราศจากน้ำตาลนานเท่าไหร่ อาการและความอยากน้ำตาลก็จะน้อยลงเท่านั้น
เพื่อนๆ อาจพบว่าอาการแย่ลงในบางช่วงเวลาของวัน เช่น ระหว่างมื้ออาหาร นอกจากนี้ความเครียดยังเป็นที่รู้จักกันในการกระตุ้นความอยากน้ำตาล ดังนั้น อาจพบว่าอาการแย่ลงในช่วงที่มีความเครียดด้วยนั่นเอง ทีนี้เรามาดูกันดีกว่าว่า เมื่อมีการดีท็อกซ์น้ำตาลแล้ว จะส่งผลกระทบอย่างไรบ้างในช่วงที่เรียกว่ามีอาการถอน
5 อาการเกี่ยวกับภาวะจิตใจ
ดีท็อกซ์น้ำตาลอาจทำให้เกิดอาการทางอารมณ์และจิตใจ รวมถึง:
- จะเครียด เป็นอาการถอนน้ำตาลทั่วไป นอกเหนือจากอารมณ์ดาวน์ลงแล้ว เพื่อนๆ อาจสังเกตเห็นว่าขาดความเพลิดเพลินในสิ่งที่เคยชอบทำเป็นประจำด้วยนะ
- ความรู้สึกวิตกกังวลอาจมาพร้อมกับความกังวลใจ กระสับกระส่ายและหงุดหงิด อาจรู้สึกว่ามีความอดทนน้อยกว่าปกติ
- การเปลี่ยนแปลงในรูปแบบการนอนหลับ บางคนพบการเปลี่ยนแปลงในการนอนหลับเมื่อล้างสารพิษจากน้ำตาลอาจพบว่าเป็นการยากที่จะนอนหลับหรือนอนหลับตลอดทั้งคืน
- ปัญหาทางความคิด การตัดสินใจอาจพบว่ามันยากที่จะมีสมาธิเมื่อเลิกน้ำตาล สิ่งนี้อาจทำให้ลืมสิ่งต่าง ๆ และทำให้ยากที่จะโฟกัสกับงานหรือกิจกรรม
- ความอยาก นอกจากความอยากทานน้ำตาลแล้วเพื่อนๆ อาจพบว่าอยากอาหารอื่น ๆ เช่น คาร์โบไฮเดรต
4 อาการทางกายภาพ
ปวดหัวเป็นหนึ่งในผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุดของดีท็อกซ์น้ำตาลพร้อมกับความรู้สึกทางร่างกาย อาการถอนทางกายภาพที่เป็นไปได้อื่น ๆ ได้แก่ :
- ปวดหัวและเวียนศีรษะ
- อาการคลื่นเหียน
- การรู้สึกเสียวซ่า
- ความเมื่อยล้า
การลดน้ำตาลจะทำให้เรามีสุขภาพดีขึ้น แต่หากมีอาการข้างเคียงที่รุนแรง ความจำเป็นอย่างหนึ่งคือ เพื่อนๆ จะต้องไม่เลิกหรือลดไปแบบกะทันหัน หรือที่เรียกว่า หักดิบ ให้ค่อยๆ ทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป ยิ่งหากก่อนหน้านี้ติดหวานมากก็ต้องยิ่งค่อยๆ ลดปริมาณลงแทนการงดไปเลยทันที