ไมเกรน…โรคฮอตฮิตของคนวัยทำงาน

0

หากจะกล่าวถึงอาการป่วยยอดนิยมของคนวัยทำงาน เชื่อว่าหนึ่งในลิสต์ที่หลายคนนึกถึงคงต้องมี “โรคไมเกรน” รวมอยู่ด้วยอย่างแน่นอน โดยไมเกรนเป็นอาการที่เกิดจากระบบประสาทส่วนกลางทำงานผิดปกติ สามารถเกิดได้หลายรูปแบบ อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยสามารถบรรเทาอาการได้ โดยหลีกเลี่ยงสิ่งเร้า ที่ก่อให้เกิดอาการปวด

โรคไมเกรน เป็นอาการปวดศีรษะที่พบได้ในเด็กวัยเรียน วัยหนุ่มสาว (แต่ผู้สูงอายุมักไม่เป็นโรคนี้) โดยเฉพาะคนวัยทำงานที่ต้องเผชิญกับการแข่งขันและความกดดันอย่างต่อเนื่อง อาจทำให้ต้องเผชิญกับความเครียดสะสม ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพในการทำงานลดลง จะพบผู้ป่วยอยู่ในช่วงอายุระหว่าง 25-30 ปี มากที่สุด มักพบในผู้ป่วยเพศหญิงมากกว่าเพศชาย ที่แย่คือ เมื่อเป็นแล้วจะมีอาการปวดที่ทรมาน บางคนอาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียน ตาพร่ามัวหรือเห็นแสงระยิบระยับนำมาก่อน โดยการปวดจะกินระยะเวลานานหลายชั่วโมง แต่จะไม่นานเกิน 1 วัน

ลักษณะของไมเกรนแบ่งได้เป็น  2 ชนิด คือ ไมเกรนชนิดมีอาการนำและชนิดไม่มีอาการนำ

1. ไมเกรนชนิดมีอาการนำ

ไมเกรนไม่มีอาการนำจะปวดศีรษะครึ่งซีกเป็นพัก ๆ เวลาหายปวดจะหายสนิท ซึ่งการปวดแต่ละครั้งจะนาน 4 ชั่วโมงหรือนานเป็นวัน ๆ ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการ เช่นคลื่นไส้อาเจียน เหงื่อแตก

2. ไมเกรนชนิดมีไม่มีอาการนำ

ไมเกรนชนิดนี้จะพบได้น้อยกว่ามักมีอาการนำมาก่อนแล้วจึงมีอาการปวดศีรษะตามมา อาการนำที่พบได้บ่อย เช่น ตาฝ้า เห็นแสงระยิบระยับ บางคนอาจเห็นเป็นภาพมืดตรงกลางทำให้มองไม่เห็นชั่วครู่ อาจมีอาการแขนขาชาอ่อนแรงหรือพูดไม่ได้ชั่วครู่

สาเหตุของโรคปวดศีรษะไมเกรนมีสาเหตุที่เกิดจากภายในร่างกายและจากพันธุกรรม ซึ่งไม่สามารถป้องกันหรือหลีกเลี่ยงได้ (เชื่อว่าอาจเกิดจากความผิดปกติของสารเคมีในสมอง การสื่อกระแสในสมอง หรือการทำงานของหลอดเลือดแดงในสมองผิดปกติ) ส่วนสาเหตุที่มาจากภายนอกร่างกายเป็นปัจจัยกระตุ้นทำให้เกิดอาการ เช่น การพักผ่อนไม่เพียงพอ อากาศเปลี่ยนแปลง ทำงานหนักหรือมีความเครียดมากเกินไป แสงจ้า แสงระยิบระยับ เสียงดัง ๆ หรือเสียงจ้อกแจ้กจอแจ กลิ่นฉุน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาหารบางชนิด ได้แก่ กล้วยหอม ช็อคโกแลต เนยแข็ง

สำหรับการรักษาแพทย์จะให้ยาแก้ปวดเวลามีอาการปวดและการใช้ยาป้องกันไมเกรนในรายที่เป็นบ่อย ผู้ป่วยไม่ควรซื้อยามารับประทานเองควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง โดยแพทย์จะพิจารณาให้ยาเมื่อมีอาการปวดศีรษะแบบรุนแรง ผู้ป่วยจำเป็นต้องรับประทานยาป้องกันไมเกรนสม่ำเสมอทุกวันอย่างน้อย 6 เดือน เพื่อให้ได้ผลในการป้องกัน

ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีทรมานจากอาการปวดน้อยลงและดำเนินชีวิตประจำวันต่าง ๆ ทำงานได้ตามปกติ ควรหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่อาจนำไปสู่การปวดเรื้อรัง ควรฝึกการคลายเครียดจากการทำงานหรือเรียน หรือหากิจกรรมทำเพื่อลดความเครียด เช่น ฟังเพลง ดูหนัง อ่านหนังสือ นอนหลับให้เป็นเวลาและนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6 – 8 ชั่วโมง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และออกกำลังกายสม่ำเสมอ รวมถึงงดการใช้ยาเกี่ยวกับฮอร์โมน เช่น ยาคุมกำเนิด

ไมเกรน เป็นโรคที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของใครหลายคน และเป็นอุปสรรคต่อการทำงาน การมีความรู้และความเข้าใจอย่างถูกต้องจะช่วยให้ห่างไกลจากโรคไมเกรนได้

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *