กินอะไรถึงให้ผิวดี! นี่คือ 5 อาหารที่ดีต่อสุขภาพผิว
You are what you eat อยากให้ผิวสวย ผิวดี ต้องเริ่มต้นที่อาหาร ไปดูกันว่ากินอะไรให้ผิวสวย
You are what you eat อยากให้ผิวสวย ผิวดี ต้องเริ่มต้นที่อาหาร ไปดูกันว่ากินอะไรให้ผิวสวย
หลายคนชอบคิดว่า “อัลไซเมอร์” เป็นเรื่องไกลตัว เพราะมีแต่ผู้สูงอายุเท่านั้นที่เป็น แต่อาจลืมความจริงอย่างหนึ่งที่ว่า ไม่มีใครไม่แก่ ไป
เราอาจเคยได้ยินว่า กินถั่วช่วยลดอ้วนได้ เพราะในถั่วมีโปรตีนสูง แต่ล่าสุดมีงานวิจัยที่พบว่า “ถั่ว” ยังช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งได้ด้วยนะ มีการศึกษาจาก Yale Cancer Center ที่ได้เผยแพร่ใน Journal of Clinical Oncology พบว่า
ปัญหาไขมันสะสมหน้าท้อง ดูเหมือนเป็นปัญหาที่หลายๆ คนที่กำลังลดน้ำหนักเจอมากที่สุด ไม่ได้เกี่ยวแค่เรื่องของสุนทรียศาสตร์ ลักษณะทางกายภาพ กรรมพันธ์ แต่เป็นเรื่องของไขมันส่วนเกินที่ถูกสะสมบริเวณหน้าท้อง ซึ่งเป็นสิ่งที่อันตรายที่สุด เพราะมันเป็นสาเหตุของโรคร้ายแรง ไม่ว่าจะเสี่ยงโรคหัวใจ เบาหวานและอื่นๆ
ส่วนที่ยากที่สุดเกี่ยวกับการลดน้ำหนักคือ “เปลี่ยนการกิน” และมันมีหลากหลายแนวทางการทำที่แตกต่าง สิ่งที่ทุกคนต้องรู้ก็คือ มันไม่ได้มีกฏตายตายสำหรับเรื่องนี้ การลดน้ำหนักบางโปรแกรมอาจขึ้นอยู่กับบางคนด้วย
พฤติกรรมกินอาหารแบบตามใจปาก เพลินไปกับรสชาติหวาน มัน เค็ม อาหารจำพวกแป้งและประเภทที่มีไขมันสูง จนเป็นเหตุให้เกิดไขมันสะสมอยู่ตามหน้าท้อง แต่ไม่ต้องกังวลจนเกินไป เพราะไขมันส่วนเกินเหล่านี้สามารถขจัดออกไปได้
เริ่มต้นปีดีกรีความสวยต้องไม่ตกนะคะสาวๆ อาหารการกินอย่าให้ขาดตกบกพร่อง อะไรที่มีประโยชน์เราต้องเติมเต็มใส่ผิวค่ะ ซึ่งเรื่องอาหารนี่แหละสำคัญต่อผิวนักแล แต่ถ้าเราไม่หมั่นเสริมอาหารผิว มีหวังต้องเหี่ยวรับต้นปีแน่นอนค่ะ ลองมาดูกันสิว่าเรามีอาหารอะไรที่ควรค่าต่อการชะลอวัยของเราบ้าง
ทางเลือกสำคัญของสาวๆ รักผิวนั่นก็คืออาหารการกินนั่นเองค่ะ เราสามารถเลือกกินอาหารที่ส่งเสริมให้ผิวของเราสวยสดใสได้อย่างไร้ที่ติ หรือที่เรียกว่าบำรุงจากภายในนั่นแหละค่ะ แต่อาหารที่สดสวยจะมานำเสนอนั้นเป็นอาหารที่เหมาะกับสาวเฟี้ยวฟ้าวรุ่นใหม่มากๆ ใครไม่อยากพลาดผิวสวยแบบเฮลท์ตี้รีบไปซูเปอร์มาร์เก็ตด่วนเลยค่ะ
ตัวอย่างผลการวิจัยเรื่องถั่วเปลือกแข็งกับการลดระดับคอเรสเตอรอลที่ตีพิมพ์ใน The Journal Diabetes Care ไว้อย่างน่าสนใจ ศึกษาโดยให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานจำนวน 58 คน กินวอลนัทวันละ 1 กำมือทุกวัน นาน 8 สัปดาห์ ผลปรากฏว่า …