สายกินต้องระวัง ถ้าไม่อยากเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง
คำแนะนำในการดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ โรคที่พบมากในคนไทยที่มักเกิดจากการกิน
คำแนะนำในการดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ โรคที่พบมากในคนไทยที่มักเกิดจากการกิน
มะเร็งลำไส้ใหญ่ (Colon cancer หรือ Colorectal cancer) เริ่มขึ้นในลำไส้ใหญ่ ซึ่งมีผลต่อลำไส้ใหญ่หรือทวารหนักซึ่งเป็นอวัยวะอื่นที่พบในส่วนล่างของระบบย่อยอาหาร หลายกรณีของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักเริ่มต้นที่เยื่อบุด้านในของอวัยวะที่ได้รับผลกระทบเป็นติ่งเนื้อร้าย
รายงานจากองค์กรระหว่างประเทศเพื่อการวิจัยโรคมะเร็ง (IARC) เปิดเผยรายงานประจำปีฉบับล่าสุด ซึ่งชี้ว่า จะมีผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่เพิ่มขึ้นเป็น 18.1 ล้านคนทั่วโลกภายในช่วงสิ้นปี 2018
โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นโรคที่ถูกวินิจฉัยพบมากที่สุดในเพศหญิงสูงเป็นอันดับที่ 3 ในกลุ่มโรคมะเร็ง และถูกวินิจฉัยพบมากที่สุดในเพศชายสูงเป็นอันดับที่ 2 ในกลุ่มของโรคมะเร็ง
การดื่มเครื่องดื่มที่มีสารให้ความหวานแทนน้ำตาลมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงต่อการเกิดซ้ำของมะเร็งลำไส้ใหญ่และการเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง การศึกษานี้พบโดยกลุ่มนักวิจัยที่นำโดยนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเยล ได้รับการเผยแพร่ใน PLOS ONE เมื่อเดือนกรกฏาคม 2018 ที่ผ่านมา
เราอาจเคยได้ยินว่า กินถั่วช่วยลดอ้วนได้ เพราะในถั่วมีโปรตีนสูง แต่ล่าสุดมีงานวิจัยที่พบว่า “ถั่ว” ยังช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งได้ด้วยนะ มีการศึกษาจาก Yale Cancer Center ที่ได้เผยแพร่ใน Journal of Clinical Oncology พบว่า
การศึกษาใหม่จากมหาวิทยาลัย Aarhus แสดงให้เห็นว่า มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักในการเชื่อมต่อกับไนเตรตในน้ำดื่ม
“ลำไส้” อวัยวะส่งผลกระทบชัดเจนต่อชีวิตประจำวัน แต่หลายคนกลับมองข้ามไป ทั้งที่จริงๆ แล้ว “ลำไส้ไม่แข็งแรง” อาจเกิดขึ้นกับเราได้แบบง่ายๆ เลยนะ โดยมีปัจจัยเป็นพฤติกรรมการกินและสิ่งแวดล้อม แต่ก่อนอื่น เรามีดูสัญญาณที่อาจบอกว่า ลำไส้ของเพื่อนๆ เริ่มมีปัญหาแล้วล่ะ
สร้างความสยองปนผวาได้ไม่น้อย กับกรณีแพทย์ในเมืองจีนผ่าตัดเอาลำไส้ขนาดยักษ์ของคนไข้ออกมาเนื่องจากเกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรงจนทนไม่ไหว โดยลำไส้ที่ว่ามีขนาดยาว 30 นิ้ว มีน้ำหนักถึง 13 กิโลกรัม อื้อหือ! ขนาดเทียบเท่ามาตรฐานน้ำหนักของเด็กอายุ 2 ขวบทีเดียว สาเหตุเป็นเพราะอะไรกันนะ?
โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นโรคที่ถูกวินิจฉัยพบมากที่สุดในเพศหญิงสูงเป็นอันดับที่ 3 ในกลุ่มโรคมะเร็ง และถูกวินิจฉัยพบมากที่สุดในเพศชายสูงเป็นอันดับที่ 2 ในกลุ่มของโรคมะเร็ง และนับเป็นโรคที่ตรวจพบในระยะแพร่กระจาย (ระยะที่ 4) มากเป็นอันดับ 1 แล้ว