เมื่อเทียบกับข้าวสาลีและมันฝรั่งชนิดอื่น บัควีต (Buckwheat) อุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรต จึงถือเป็นอาหารที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานและผู้ที่มีน้ำหนักเกิน หรือต้องการลดน้ำหนักอยู่ในขณะนี้
เมล็ดบัควีตซึ่งเป็นที่นิยมโดยเฉพาะในรัสเซีย มีโปรตีนที่ย่อยง่ายถึง 16% ซึ่งรวมถึงกรดอะมิโนที่จำเป็นอาร์จินีนและไลซีน คาร์โบไฮเดรต 30% ไขมัน 3% เส้นใย กรดมาลิก ซิตริก และออกซาลิก
ยังไม่หมดแค่นั้น เพราะบัควีตเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน C, B1, B2, PP (รูติน), P, E และแร่ธาตุเหล็ก, แคลเซียม, แมกนีเซียม, โพแทสเซียม, ฟอสฟอรัส, ทองแดง, สังกะสี, โบรอน, ไอโอดีน, นิกเกิลและโคบอลต์
แล้วช่วยลดน้ำหนักได้?
บัควีตมีประสิทธิภาพอย่างมากในผู้ที่เป็นโรคอ้วนที่ต้องการกำจัดน้ำหนักส่วนเกิน จึงมักถูกเรียกว่าราชินีแห่งการลดน้ำหนัก ในความเป็นจริง เป็นการผิดที่จะบอกว่าบัควีตเป็นข้าวสาลี เพราะมันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับข้าวสาลี ข้าวฟ่าง ฯลฯ และเป็นสายพันธุ์ที่แยกจากกัน
นอกจากจะอร่อยมากแล้ว บัควีตยังมีสารอาหารในบัควีตช่วยขจัดคอเลสเตอรอลออกจากเลือดและไอออนของโลหะหนักด้วย ประกอบด้วยสารอาหารที่ลดการซึมผ่านของผนังหลอดเลือดและความเปราะบาง
แนะนำเมนูที่เป็นที่นิยมก็คือโจ๊กบัควีตสำหรับผู้ที่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจและตับ นี่เป็นอาหารที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่เป็นโรคเส้นเลือดขอดและโรคริดสีดวงทวารด้วยนะ รวมไปถึงบัควีตยังเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรนี้เหมาะสำหรับโรคไขข้อและข้ออักเสบ รวมถึงป้องกันหลอดเลือด ความดันโลหิตสูง ภาวะไทรอยด์ทำงานต่ำ และช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิต ระบบภูมิคุ้มกันอีกด้วย
บัควีตยังสามารถนำมาใช้แทนเนื้อสัตว์บางส่วนได้ เนื่องจากมีธาตุเหล็กสูง ซึ่งทำให้เหมาะเป็นพิเศษสำหรับภาวะโลหิตจาง การบริโภคบัควีตวันละ 2 ช้อนโต๊ะก็เพียงพอแล้วเพื่อเพิ่มความเข้มข้นของฮีโมโกลบินในเลือด
ทริคและเรื่องควรรู้อย่างหนึ่งก็คือ ควรเลือกแบบที่ยังไม่แปรรูปจะดีที่สุด ไม่รวมการทำให้เป็นสีน้ำตาลในเตาอบ มีประโยชน์มากกว่าคือแป้งบัควีตประเภทสีเหลืองอ่อนนะคะ
