ว่ากันไปแล้ว… การนับแคลอรี่และการหลีกเลี่ยงคาร์โบไฮเดรตไม่ใช่ขั้นตอนที่จำเป็นเสมอไปในการเปลี่ยนแปลงร่างกาย มีวิธีที่ดีต่อสุขภาพและยั่งยืนมากมายที่จะช่วยลดอาการท้องอืด ลดน้ำหนัก ในขณะที่รู้สึกฟิตมากขึ้นหากนั่นคือเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ นอกจากนี้ ตามที่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวไว้ การลดน้ำหนักจริงๆ แล้วไม่เหมือนกับการลดไขมัน
แม้ว่าน้ำหนักของน้ำที่ค้างอยู่จะกำจัดได้ค่อนข้างเร็ว (การทำให้เหงื่อออกเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่เราชื่นชอบ) ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนองค์ประกอบของร่างกายโดยสิ้นเชิงอาจจำเป็นต้องพิจารณาแนวทางการจัดการน้ำหนักที่ใช้เวลานานกว่านี้ มีข้อมูลเกี่ยวกับเคล็ดลับที่ดีที่สุดบางส่วนเพื่อเร่งการเผาผลาญไปพร้อม ๆ กับปรับปรุงกิจวัตรการรับประทานอาหารและการออกกำลังกายมากกว่า
1. ดื่มน้ำสองแก้วก่อนมื้ออาหารทุกมื้อ
นอกเหนือจากการดื่มอย่างน้อย 64 ออนซ์ต่อวัน เราอยากแนะนำให้กินมื้ออาหารเริ่มต้นด้วยน้ำ สักสองแก้ว เพื่อการลดความอยากอาหารสูงสุด มันจะทำให้คุณรู้สึกอิ่มและช่วยให้กินน้อยลง และหลีกเลี่ยงการดื่มโซดาและน้ำอัดลม เพราะอาจทำให้ท้องอืดได้ด้วย
2. ลดอาการท้องอืด
ความแตกต่างระหว่างความรู้สึกผอมกับรู้สึกท้องอืดจริงๆ แล้วอาจอยู่ที่น้ำหนักเพียงไม่เท่าไหร่ก็ได้ เพราะร่างกายของคุณสามารถกักเก็บของเหลวส่วนเกินได้มากถึง 2-3 กิโลกรัมเป็นประจำ นอกเหนือจากการดื่มน้ำเป็นประจำ (เนื่องจากน้ำเป็นส่วนสำคัญต่อสุขภาพที่ดี) แนะนำให้จิบชาขจัดน้ำ อย่าง ชาขิง
3. นอนหลับอย่างน้อยแปดชั่วโมง
เมื่อคุณนอนหลับได้เจ็ดชั่วโมงครึ่งถึงแปดชั่วโมง ร่างกายของคุณก็จะพร้อมมากขึ้นในการกำจัดฮอร์โมนความเครียด และการเผาผลาญของคุณก็จะดีขึ้น
4. กินอาหารเย็นให้เร็วขึ้น
แนะนำให้รับประทานอาหารให้ครบมื้อไม่เกินสองชั่วโมงก่อนเข้านอน เพื่อให้ร่างกายมีเวลาที่เหมาะสมในการย่อยอาหาร ซึ่งท้ายที่สุดจะนำไปสู่การนอนหลับที่ดีขึ้น ผู้เชี่ยวชาญสังเกตว่าคนส่วนใหญ่ต้องการการนอนหลับระหว่างเจ็ดถึงเก้าชั่วโมง และหากน้อยกว่านั้นก็อาจส่งผลเสียต่อความอยากอาหารของคุณได้ในที่สุด
ลองนำทั้ง 4 วิธีนี้ไปปรับจูนกับการใช้ชีวิตประจำวันของคุณดูก่อน แล้วค่อย ๆ ขยับเป็นขั้นตอนอื่น ๆ ที่มีความเคร่งครัดมากขึ้น สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดีแน่นอน