นมข้นหวานเลี้ยงลูก เสี่ยงทำเบบี๋ “ภูมิคุ้มกันต่ำ-ติดเชื้อ-ตาย

0

แม้คุณแม่จำนวนมากจะทราบดีถึงความสำคัญของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ แต่ก็มีคุณแม่จำนวนไม่น้อยอีกเช่นกันที่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และให้ลูกดื่มนมชนิดอื่นแทน กรณีดื่มนมผงคงไม่น่าเป็นห่วงนัก แต่ถ้าให้เบบี๋ดื่มนมข้นหวานละลายน้ำ อาจส่งผลให้ทารกภูมิคุ้มกันต่ำ ติดเชื้อ หรือถึงขั้นเสียชีวิตได้

นมข้นหวาน (Sweetened Condensed Milk) เป็นผลิตภัณฑ์นมที่ทำให้เข้มข้นด้วยการระเหยน้ำออกบางส่วน แล้วผสมกับน้ำตาลทรายเพื่อรักษาไม่ให้นมบูดเน่า ซึ่งปริมาณน้ำตาลในนมข้นหวานอยู่ในระหว่าง 40-50 เปอร์เซ็นต์ สำหรับปริมาณของไขมันในนมข้นหวานมีตั้งแต่น้อยมาก (นมข้นหวานชนิดหางนม) จนถึง 9 เปอร์เซ็นต์ ปริมาณเนื้อนมมีตั้งแต่ 22-28 เปอร์เซ็นต์ และปริมาณน้ำมีตั้งแต่ 24-27 เปอร์เซ็นต์

ถึงแม้ปัจจุบันจะมีการเติมวิตามินเอและวิตามินดีในนมข้นหวาน แต่นมข้นหวานก็ยังขาดสารอาหารต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของทารกและเด็ก เนื่องจากนมข้นหวานเป็นนมที่มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบสูง มีสารอาหารที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโตมีอยู่น้อยมาก ไม่เพียงพอต่อความต้องการของทารก อาจทำให้ทารกและเด็กเล็กเกิดภาวะทุพโภชนาการได้ ดังจะเห็นได้ว่า ฉลากนมข้นหวานทุกชนิด ต้องแสดงข้อความ “อย่าใช้เลี้ยงทารกอายุต่ำกว่า 1 ปี” ด้วย ตัวอักษรเส้นทึบสีแดงขนาดความสูงไม่น้อยกว่า 5 มิลลิเมตร ในกรอบสี่เหลี่ยมพื้นขาวสีของกรอบ ตัดกับสีของพื้นฉลาก

นมข้นหวาน ไม่ควรนำมาเลี้ยงทารก เนื่องจากมีส่วนประกอบหลักแค่ไขมัน น้ำตาล โซเดียม นอกจากมีปริมาณน้ำตาลมากแล้ว ยังมีสารอาหารโปรตีนและสารอาหารอื่น ๆ อยู่น้อย ไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกายทารก ต่างจากนมแม่ที่มีสารอาหารมากกว่า และนมผงดัดแปลงสำหรับเด็ก ซึ่งเป็นนมสำหรับเลี้ยงเด็กโดยเฉพาะ การนำนมข้นหวานมาใช้เลี้ยงทารก หรือหวังเสริมคุณค่าทางอาหารแทนนมแม่ อาจทำให้ทารกเสี่ยงต่อภาวะขาดโปรตีน พลังงานและสารอาหาร ส่งผลให้มีภูมิคุ้มกันต่ำ ติดเชื้อง่าย และเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

นมแม่นั้นเข้มข้นด้วยสารอาหาร สารภูมิคุ้มกัน ฮอร์โมน และสารอาหารต่าง ๆ ที่เหมาะกับการเจริญเติบโต และช่วยพัฒนาสมองของทารกวัยเกิด จนถึงอายุ 6 เดือน ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ไม่ต้องเสียเงินซื้อ และช่วยให้แม่ไม่มีน้ำหนักคงค้าง องค์การอนามัยโลกจึงแนะนำว่าควรให้นมแม่ทันทีในช่วง 1 ชั่วโมงแรกหลังคลอด ทารกแรกเกิดจนถึงอายุ 6 เดือน ควรได้กินนมแม่อย่างเดียว กล่าวคือ ให้นมแม่อย่างเดียวตั้งแต่แรกเกิดถึง 6 เดือน ไม่ต้องให้อาหารอื่นแม้แต่น้ำ แล้วจึงเริ่มให้อาหารตามวัยที่มีสารอาหารครบ 5 หมู่ทุกวัน ตามวัยหลังอายุ 6 เดือน ควบคู่กับนมแม่ จนลูกอายุ 2 ขวบ หรือนานกว่า

ทั้งนี้ นมแม่เป็นอาหารที่มีคุณค่าที่สุดสำหรับทารก เพราะมีประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตทางกาย พัฒนาสมอง จอประสาทตา รวมทั้งเป็นอาหารที่ย่อยง่าย ถูกสร้างมาให้เหมาะสมที่สุดกับสภาพร่างกายของทารกในแต่ละช่วงอายุ ช่วยให้เด็กมีสุขภาพแข็งแรง ส่งเสริมทั้งสติปัญญา อารมณ์ นมแม่เปรียบได้กับวัคซีนหยดแรก ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานโรค ลดความเสี่ยงการติดเชื้อ ช่วยให้ลูกฟื้นตัวเร็วหากเจ็บป่วย อีกทั้งยังสร้างความรู้สึกผูกพันและปลอดภัยให้แก่ลูกน้อย

การให้ลูกกินนมแม่ นอกจากจะดีต่อสุขภาพของเบบี๋แล้ว ยังช่วยประหยัดเงิน ไม่ต้องเสียไปกับการซื้อนมผงที่ราคาแพง หรือทำลายสุขภาพทารกน้อยด้วยการให้กินนมข้นหวานละลายน้ำ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *