ยังคงเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลายสำหรับ “การนวด” เพราะความรู้สึกยามที่ได้รับการปรนนิบัติจากการนวด มันช่างฟินซะเหลือเกิ๊นแม้การนวดจะมีหลากหลายรูปแบบ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าหากพูดถึงความฮอตในระดับท็อปไฟว์ต้องมีชื่อของ “การนวดแผนโบราณ” รวมอยู่อย่างไม่ต้องสงสัย
“การนวดแผนโบราณ” หรือ “การวดแผนไทย”
เป็นศาสตร์บำบัดและรักษาโรคแขนงหนึ่งของการแพทย์แผนไทย ความที่การนวดประเภทนี้เน้นการกด การคลึง การบีบ การดัด การดึง และการอบ ประคบผู้นวดจึงต้องมีความชำนาญเป็นอย่างยิ่งเพราะแม้การนวดแผนโบราณจะมีข้อดีมากมาย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อเสีย บางรายมีอาการกล้ามเนื้อช้ำจากการนวดที่รุนแรงและผิดจุด บางรายถึงขั้นอัมพาตจากการนวดคออย่างผิดวิธี
เพื่อไม่ให้พลาด เหล่านี้คือสิ่งที่คุณควรรู้ก่อนไปนวดแผนโบราณ!
- ห้ามนวดแผนโบราณโดยเด็ดขาดหากคุณมีอาการอันได้แก่ โรคติดเชื้อ โรคผิวหนัง มีไข้ ครั่นเนื้อครั่นตัว
- มีอาการอักเสบ มีบาดแผลผู้ที่เพิ่งประสบอุบัติเหตุใหม่ๆ
- กรณีผู้สูงอายุมีโรคประจำตัวบางอย่างเช่น เบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคเกี่ยวกับระบบประสาท ต้องระมัดระวังในการนวดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการฟกช้ำ ระบบหมุนเวียนเลือดแปรปรวนหรือกระดูกหัก
- ในกรณีเป็นความดันโลหิตสูงและเส้นเลือดแดงที่ท้องเป็นกระเปาะ ไม่ควรกดท้อง เพราะเสี่ยงต่อการทำให้หลอดเลือดแดงใหญ่ที่ท้องปริแตกจนมีอันตรายถึงเสียชีวิตได้
- หากมีการดัดหรือดึงร่วมด้วยจะต้องระวังมาก การดัดหรือดึงที่คออาจทำให้กระดูกคอทับเส้นประสาทได้ การดัดหลังอย่างรุนแรงอาจทำให้มีการฉีกขาดของเนื้อเยื่อ และส่งผลต่อเส้นประสาทอยู่ใกล้ได้
- ในกรณีที่นวดท้อง ไม่ควรนวดผู้ที่รับประทานอาหารอิ่มใหม่ๆ (ไม่เกิน 30 นาที)
- สำหรับคนที่มีอาการปวดเมื่อยล้ามากจนเกินไป อาทิ อาการปวดหัวที่เกิดจากไซนัสอักเสบ, อาการปวดคอที่ร้าวชาไปจนถึงบ่า ไหล่ ฯลฯการนวดแผนโบราณอาจยิ่งทำให้ทรุดหนัก
- หลังการนวดห้าม สลัด บีบ ดัด ส่วนที่มีอาการปวด รวมถึงควรงดอาหารแสลง เช่น ของมัน ของทอด หน่อไม้ ข้าวเหนียว เครื่องในสัตว์ แอลกอฮอล์ ของหมักดอง