เคล็ดลับสุขภาพดีไม่มีโรคแทรกซ้อน ฉบับผู้ป่วยเบาหวาน

0

จากรายงานการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย พบประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไป มีแนวโน้มป่วยเบาหวานเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 8.9 ในปี 2557 เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 9.5 ในปี 2563 และเพราะโรคนี้ไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด ดังนั้น สิ่งสำคัญสำหรับผู้ป่วยคือการป้องกันการเกิดโรคแทรกซ้อน

สาเหตุของโรคเบาหวาน เกิดจากพฤติกรรมการดำเนินชีวิตในปัจจุบันที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคมากมาย เช่น การกินอาหารรสหวาน มัน เค็ม มากเกินไป กินผักผลไม้น้อย ออกกำลังกายและเคลื่อนไหวน้อย มีความเครียดเพิ่มมากขึ้น สูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อีกทั้งยังละเลยการตรวจสุขภาพ ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะอ้วนและจะส่งผลให้เกิดโรคตามมามากมาย เช่น ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง และโรคเบาหวาน

โดยผู้เป็นโรคเบาหวานส่วนใหญ่จะยังไม่รู้ตัว จนกว่าจะแสดงอาการ เช่น น้ำหนักลด ปัสสาวะบ่อย หิวน้ำบ่อย แผลหายช้า อ่อนเพลีย ชาปลายมือปลายเท้า สายตาผิดปกติ ซึ่งเกิดจากน้ำตาลในเลือดสูง หากปล่อยไว้เป็นระยะเวลานาน อาจเกิดโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมา อาทิ หลอดเลือดหัวใจอุดตันทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เบาหวานขึ้นจอประสาทตาจนทำให้ตาบอด โปรตีนรั่วในปัสสาวะจนนำไปสู่โรคไตเสื่อม หลอดเลือดสมองอุดตันหรือแตก ทำให้เกิดโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต

เคล็ดลับสุขภาพดีไม่มีโรคแทรกซ้อน ฉบับผู้ป่วยเบาหวาน

1. เลือกกินอาหารที่เหมาะสมในปริมาณที่ถูกสัดส่วนกับความต้องการของร่างกาย เนื่องจากยาเบาหวานโดยทั่วไปมีประสิทธิภาพในการควบคุมน้ำตาลจากอาหารได้เพียง 45–60 กรัมต่อมื้อ (คิดเป็นข้าวสวยไม่เกิน 3–4 ทัพพี) จึงควรเลือกเปลี่ยนข้าวขาวเป็นข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีท หรือธัญพืชไม่ขัดสี จะช่วยให้ได้รับใยอาหารเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้ร่างกายดูดซึมน้ำตาลช้าลง ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ และไม่ควรกินธัญพืชเพิ่มจากข้าว เช่น ข้าวกับผัดฟักทอง ข้าวกับผัดวุ้นเส้น

2. งดกินน้ำตาลเกินจำเป็น เลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูง เช่น ผลไม้หวานจัด น้ำหวาน น้ำอัดลม ควรเลือกผลไม้ชนิดที่ไม่หวานจัดในปริมาณที่เหมาะสม เช่น กล้วย แอปเปิลเขียว ฝรั่ง ส่วนนมจืดนั้นไม่ควรดื่มเกิน 1 แก้วต่อวัน เนื่องจากนมวัวมีน้ำตาลตามธรรมชาติอยู่แล้ว เช่นเดียวกับนมไขมันต่ำพร่องมันเนย หรือนมไม่มีไขมัน ซึ่งลดเฉพาะปริมาณไขมันแต่มีน้ำตาลเหมือนเดิม สำหรับนมเปรี้ยวส่วนใหญ่จัดเป็นเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลในปริมาณสูง จึงไม่ควรกินทุกวัน

3. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ 150 นาที ต่อสัปดาห์ เพื่อช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ควรออกกำลังกายที่ไม่ใช้แรงกระแทก หรือมีแรงกระแทกต่ำ เช่น เดิน ขี่จักรยาน ว่ายน้ำ หรือเลือกความหนักของการออกกำลังกายที่เหมาะสม หากมีอาการเหนื่อย ให้ลดความเร็วลงหรือหยุดพักแล้วค่อยเดินต่อ ไม่ควรเปลี่ยนท่าทางอย่างรวดเร็ว เลือกรองเท้าที่เหมาะสมกับการออกกำลังกาย ไม่ควรออกกำลังกายในที่ร้อนจัดหรือชื้น ให้จิบน้ำเป็นระยะ ทุก 10 – 15 นาที 

4. ลด ละ เลิกสูบบุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หมั่นตรวจดูแลสุขภาพเท้าเป็นประจำ ไม่ให้เกิดแผล ไม่ควรเดินเท้าเปล่า ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ทำจิตใจให้ไม่เครียด และควรตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

แม้โรคเบาหวาน จะไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด แต่สามารถป้องกันการเกิดโรคแทรกซ้อนได้ ถ้าคุมระดับน้ำตาลและน้ำหนักตัวได้เป็นอย่างดี ทำให้ผู้เป็นโรคเบาหวานสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ มีความสุข

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *