ปีหน้าที่กำลังเข้าสู่ 2566 เราคาดว่าจะมีเทคโนโลยีที่ถูกค้นพบและนวัตกรรมใหม่ๆ เกิดขึ้นรอเราอยู่ เพราะปัจจุบันแนวโน้มในอนาคตของเทคโนโลยีด้านการดูแลสุขภาพคาดว่าจะนำความสามารถใหม่ ๆ ที่น่าเหลือเชื่อและความก้าวหน้า ที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในโลกในอนาคตอันใกล้นี้ โดยเน้นที่การส่งเสริมคุณภาพและความสามารถในเข้าถึงบริการด้านสุขภาพ ตลอดจนการทำนายและป้องกันโรคแทนที่จะรักษาในระยะขั้นสูง ในขณะที่ทางฝั่งประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีตลาดทางด้านสุขภาพที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และได้มีการคาดการณ์ว่า มูลค่าของผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพแห่งชาติคาดว่าจะเพิ่มขึ้นสูงถึง และมีความพยายามที่จะนำเทคโนโลยีดิจิทัลและนำธุรกิจเข้ามามากขึ้น ประสิทธิภาพของพนักงานที่สูงขึ้น ผลลัพธ์ทางการเงินที่ดีขึ้น และประสบการณ์การดูแลผู้ป่วยที่ดีขึ้น เรามาเช็คกันค่ะว่าเทรนด์การดูแลเทคโนโลโลยีปี 2023 นั้นมีอะไรบ้าง
แอปพลิเคชั่น AI ใหม่และความกังวลของคอมมูนิตี้การแพทย์
หนึ่งในแนวโน้มที่เติบโตเร็วที่สุดในเทคโนโลยีสารสนเทศด้านสุขภาพ คือ AI (ปัญญาประดิษฐ์) ซึ่งประโยชน์คือเพื่อช่วยให้แพทย์วินิจฉัยได้ละเอียด ลึกซึ้งมากขึ้น ทั้งตัวอุปกรณ์และซอฟต์แวร์เอง มาดูกันว่า AI สามารถสนับสนุนอะไรได้บ้างในการดูแลสุขภาพและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง และมันจะกลายเป็นเทรนด์เทคโนโลยีด้านสุขภาพที่สำคัญในอนาคตได้อย่างไร
– การวิเคราะห์การสแกนเอกซ์เรย์คอมพิวเตอร์
เนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้ประชากรของโลกได้รับผลกระทบ AI ได้เข้ามาช่วยด้านรังสีการแพทย์ เพื่อใช้ประมวลผลการสแกนเอกซ์เรย์คอมพิวเตอร์ของผู้ป่วยหลายพันคนได้อย่างรวดเร็ว ตรวจจับรูปแบบปอดอักเสบที่เกิดจาก COVID-19 และรายงานผลเหล่านี้ต่อแพทย์ ซึ่งช่วยลดปัญหาการขาดแตลนทรัพยากรบุคคล
แต่ส่วนใหญ่รังสีแพทย์จะเน้นใช้เป็นเครื่องมือเสริมมากกว่าเป็นเครื่องมือหลักเพราะหลีกเลี่ยงความผิดพลาดและใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดจาก AI นั่นเอง เพราะมันไม่ใช่เพียงแค่การตรวจวินิจฉัยหรือการรักษาเพียงอย่างเดียว เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการยืนยันการวินิจฉัยที่มีอยู่หรือเพิ่มคุณค่าข้อมูลการวิจัยที่รวบรวมด้วยวิธีดั้งเดิมประกอบกัน
– การเรียนรู้ของเครื่องใน Biopharma และ Medtech
อุตสาหกรรมยาจะใช้ AI เพื่อค้นพบยาใหม่และใช้ประโยชน์จากเทรนด์เทคโนโลยีบางอย่างในการดูแลสุขภาพตั้งแต่ปี 2023 โมเลกุลยาตัวแรกที่คิดค้นโดย AI ได้รับการจดสิทธิบัตรโดยทีมนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษและญี่ปุ่นในเดือนมกราคม 2020 ยาดังกล่าว และเมื่อช่วงปลายปี 2021 มีการค้นพบสูตรอื่นๆ ที่น่าสนใจซึ่งเป็นผลมาจากการทดลองในห้องแล็บที่เสริมประสิทธิภาพ AI รวมถึงการรักษาโรคที่หายากและอันตรายสูงได้อีกด้วย อีกทั้งโครงการนวัตกรรมจำนวนมากใช้วิธี AI และการเรียนรู้ของเครื่องเพื่อเพิ่มการทดลองทางเคมีและการวิจัยยาทางการแพทย์ ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถลดค่าใช้จ่ายในการทดลองนอกสถานที่ด้วยน้ำยาและอุปกรณ์ห้องปฏิบัติการไฮเทคได้ เนื่องจากการทดลองจำนวนมากสามารถดำเนินการได้แบบเสมือนจริง นอกจากนี้ยังเพิ่มความเร็วในการค้นพบนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน โครงการอื่น ๆ เช่นนี้คาดว่าจะมีขึ้นในอนาคต
– วิทยาการหุ่นยนต์เพื่อทำให้กระบวนการของโรงพยาบาลเป็นแบบอัตโนมัติ
ในปี 2565 สตาร์ทอัพทั่วโลกจะลงทุนหลายร้อยล้านในการพัฒนาโครงการ AI รวมถึงระบบหุ่นยนต์ประเภทต่างๆ ซึ่งอาจทำให้สามารถลดค่าใช้จ่ายในการจ้างเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมได้ แนวคิดนี้ไม่ได้ต้องการแทนที่มนุษย์ด้วยเครื่องจักร แต่เพื่อช่วยเหลือสถานพยาบาลที่ประสบปัญหาขาดแคลนพยาบาลและแพทย์อย่างเฉียบพลันเนื่องจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ซึ่งในสหรัฐอเมริกาได้เริ่มมีการใช้ซอฟต์แวร์เข้ามาช่วยการทำงานแล้ว
แต่ถึงแม้เทคโนโลยีจะช่วยได้อย่างมากในระบบแพทย์แผนปัจจุบัน ไม่ว่าจะการตรวจสุขภาพ การผ่าตัด วินิจฉัยการแพทย์ทางไหล แต่แพทย์ชุมชนมักจะมีจ้อจำกัดบางอย่าง ซึ่งต้องยึดถือหลักของการรักษาผู้ป่วยให้สำเร็จเป็นความสำเร็จสูงสุดในการรักษาพายาล ดังนั้น AI จึงถูกทำงานช่วยเสริม การดำเนินงานแบบดั้งเดิมและผสมผสานเทคโนโลยีที่เน้นไปทางคุ้มค่าและปลอดภัย และหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
– Chatbots ตัวตรวจสอบอาการ
Chatbots เป็นแอปพลิเคชันคอมพิวเตอร์ที่สนับสนุนโดย AI เป็นการดำเนินการสนทนาที่มีความหมายเหมือนมนุษย์ผ่านทางเสียง ข้อความ หรือการป้อนข้อมูลด้วยตัวเลือก ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมและแพร่หลายในทุกวงการ ทั้งด้านการดูแลสุขภาพและการให้คำปรึกษาทางการแพทย์ เข้าถึงได้ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันทางออนไลน์หรือผ่านอุปกรณ์พกพา สามารถวินิจฉัยทางการแพทย์เบื้องต้นและให้คำปรึกษาด้านสุขภาพตามข้อมูลและข้อร้องเรียนของผู้ป่วย Chatbots ยังสามารถรวมเข้ากับพอร์ทัลผู้ป่วยที่กำหนดเองสำหรับโรงพยาบาลและคลินิก สามารถช่วยให้ผู้ป่วยจัดการกับสภาวะสุขภาพและข้อกังวลที่เกิดขึ้นแม้แต่ในภาวะเฉียบพลัน แชทบอทสามารถช่วยให้ผู้ป่วยระบุขั้นตอนต่อไปและกระตุ้นให้พวกเขาขอความช่วยเหลือทางการแพทย์ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเมื่อจำเป็น อย่างไรก็ตาม ต้องใช้บนความระมัดระวังเนื่องจากอาจนำไปสู่การให้ข้อมูลที่ผิดและการวินิจฉัยตนเองที่ไม่ถูกต้อง
-โลกาภิวัตน์ของข้อกำหนด AI ในการดูแลสุขภาพ
หน่วยงานที่เป็นพันธมิตรกับ US FDA และ Health Canada รวมทั้งหน่วยงานกำกับดูแลผลิตภัณฑ์ยาและสุขภาพของสหราชอาณาจักร (MHRA) ได้กำหนดแนวทางปฏิบัติ 10 ข้อที่สามารถสนับสนุนการพัฒนา GMLP (Good Machine Learning Practice) ที่ช่วยนักพัฒนาและวิศวกร AI ในกระบวนการออกแบบและผลิตอุปกรณ์การแพทย์ แอปพลิเคชัน และระบบที่ปลอดภัย เพื่อนำ AI ไปใช้ในการดูแลสุขภาพโดยเร็วที่สุด
– การยอมรับเทคโนโลยีที่สนับสนุนโดย AI
ข้อเสียที่สำคัญของการปรับปรุงเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์คือ แอปพลิเคชัน AI ไม่เพียงใช้เพื่อช่วยชีวิตมนุษย์หรือช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ในการทำงานประจำวันเท่านั้น แต่ยังถูกแฮ็กเกอร์โจมตีเพื่อโจมตีระบบการแพทย์และขโมยข้อมูลการรักษาพยาบาลที่ได้รับการปกป้องอีกด้วย ดังนั้นจึงมีทางแก้ปัญหาเพื่อปิดช่องโหว่เหล่านี้ด้วย EMR/EHR, IoT และระบบไร้สายในโรงพยาบาล คลินิก หรือศูนย์สุขภาพ
จะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีทางสุขภาพเริ่มเข้ามามีบทบาทในยุคโรคระบาดใหม่มากขึ้น และช่วยอำนวยความสะดวกได้มากขึ้นเช่นกัน ตอนหน้าเรามาดูกันต่อว่ามีอะไรอีกบ้างที่เป็น health technology ที่เป็นเทรนด์และน่าจับตามองในปี 2023 ค่ะ