รู้จัก Elacestrant ยาใหม่สำหรับผู้ป่วยมะเร็งเต้านม

0

มะเร็งเต้านมเป็นโรคมะเร็งที่พบบ่อยในสตรีทั่วโลก รวมถึงในบ้านเรา ในส่วนของการรักษามะเร็งเต้านมนั้น แบ่งได้เป็น 3 วิธี ได้แก่ การผ่าตัด, การฉายแสง (รังสีรักษา), การใช้ยา (ยาต้านฮอร์โมน, ยาเคมีบำบัด และยาที่มีการออกฤทธิ์จำเพาะ) ล่าสุดมียาใหม่ที่เป็นความหวังของผู้ป่วยอย่าง Elacestrant เป็นอีกหนึ่งทางเลือก

ในปัจจุบันผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะปลายหรือระยะแพร่กระจาย (ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านมที่รักษาได้ยากที่สุดกลุ่มหนึ่ง) มีทางเลือกการรักษาจำกัด เนื่องจากเกิดอาการดื้อยาต่อการรักษาด้วยฮอร์โมนจากการรักษาที่เคยได้รับก่อนหน้า ยา Elacestrant เป็นยา SERD (selective estrogen receptor degrader) แบบให้ทางปากตัวแรก มีศักยภาพในการเป็นการดูแลรักษาตามมาตรฐานแบบใหม่จากสมรรถนะของยา โดยการใช้ยา Elacestrant เป็นการรักษาเดียวจะทำให้ผู้ป่วย ครอบครัว และผู้ให้บริการด้านสุขภาพมีทางเลือกในการรักษาที่มีประสิทธิผลและปลอดภัยต่อไปในอนาคต

หน่วยคลังข้อมูลยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับยา Elacestrant  โดยระบุว่า Elacestrant (Orserdu) เป็นยาตัวล่าสุดในกลุ่ม SERD และเป็นยาตัวแรกที่ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการอาหารและยาประเทศสหรัฐอเมริกา (USFDA) สำหรับใช้รักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านมระยะแพร่กระจายชนิดที่มีการกลายพันธ์ของ estrogen receptor 1 (ESR1) ซึ่งนำมาสู่การดื้อต่อการรักษาด้วยฮอร์โมนบำบัดแบบใช้ยาในการรักษามาตรฐานเดิม

ทั้งนี้ Fulvestrant ซึ่งเป็นยาในกลุ่ม SERD ชนิดแรก สามารถใช้ได้เฉพาะผู้ที่มีผลบวกต่อตัวรับฮอร์โมนเอสโตรเจนและผลลบต่อตัวรับเฮอร์ทู (ER+/HER2-) หรืออยู่ในระยะแพร่กระจายในผู้ป่วยเพศหญิงวัยหมดประจำเดือน หรือผู้ป่วยเพศชายที่เคยได้รับยารักษาด้วยฮอร์โมนบำบัดมาแล้วอย่างน้อยหนึ่งชนิด

ข้อมูลประสิทธิภาพของ Elacestrant ได้จากการศึกษาชื่อ EMERALD ซึ่งเป็นการศึกษาแบบสุ่ม ไม่ปกปิดข้อมูล และมีกลุ่มควบคุม ในฐานะยาทางเลือกลำดับสองหรือสามในการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านมชนิด ER+/HER2- หรือระยะแพร่กระจาย โดยเปรียบเทียบกับการรักษามาตรฐานด้วยฮอร์โมนบำบัดแบบใช้ยา คือ Eulvestrant และยาในกลุ่ม aromatase Inhibitors อื่น ๆ ได้แก่ anastrozole, letrozole และ exemestane การทดลองนี้มีผู้ป่วยเข้าร่วม 477 คน ซึ่งเป็นผู้ป่วยที่เคยได้รับการรักษาด้วยฮอร์โมนบำบัดแบบใช้ยาหนึ่งหรือสองชนิด รวมถึงยาในกลุ่ม cyclin-dependent kinase 4/6 inhibitor ด้วย โดยมีผู้ได้รับ Elacestrant จำนวน 239 ราย และได้รับการรักษามาตรฐานอื่น 238 ราย

ผลการศึกษาพบว่ากลุ่มที่ได้รับการรักษาด้วย Elacestrant มีระยะสงบของโรค (progression free survival) ที่นานกว่าอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ได้รับการรักษามาตรฐาน (HR=0.70; 95% CI, 0.55-0.88; P=0.002) และเมื่อพิจารณาในผู้ป่วยจำนวน 228 ราย (47.8%) ที่มีการกลายพันธุ์ของยีนส์ ESR1 พบระยะสงบของโรคเฉลี่ย 3.8 เดือน ในกลุ่มที่ได้รับ Elacestrant ซึ่งนานกว่าอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเปรียบเทียบกับ 1.9 เดือน ในกลุ่มที่ได้รับการรักษามาตรฐานอื่น ๆ (HR=0.55; 95% CI, 0.39-0.77; P=0.0005) ทั้งนี้ อาการไม่พึงประสงค์ที่พบมากที่สุดในการศึกษา คือ อาการปวดกล้ามเนื้อ คลื่นไส้ เพิ่มระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ จึงได้มีข้อแนะนำให้ตรวจค่าไขมันในเลือดหากเริ่มใช้ยานี้

สำหรับขนาดยาของ Elacestrant ที่แนะนำ คือ 345 mg พร้อมอาหาร วันละครั้ง จนกว่าโรคจะมีการลุกลามหรือจนกว่าผู้ป่วยจะทนผลข้างเคียงของยาไม่ได้

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *