“ริดสีดวงทวาร” (Hemorrhoids หรือ Piles)
คือการที่หลอดเลือดที่ปลายลำไส้ใหญ่ และทวารหนักมีการบวมโป่งพอง และมีหลอดเลือดบางส่วนยื่นออกจากทวารหนักโรคริดสีดวงทวารก็คือ โรคที่เกิดจากการอักเสบ และ/หรือการบวมของกลุ่มเนื้อเยื่อหลอดเลือดที่อยู่ภายในทวารหนักและรอบๆปากทวารหนัก
โดยริดสีดวงแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ…
- ริดสีดวงภายในคือ การที่เนื้อเยื่อของทวารหนักที่อยู่สูงกว่าdentate line(เส้นแบ่งทวารหนักออกเป็นส่วนล่างและส่วนบน) เลื่อนตัวลงมาทางปากทวารหนักทำให้เกิดอาการเลือดออกขณะถ่ายอุจจาระหรือยื่นออกมาจากขอบทวารหนัก
- ริดสีดวงภายนอก คือเนื้อเยื่อที่อยู่ใต้ dentate line ยืดออกเป็นติ่งเนื้อ
อาการของริดสีดวงทวารหนักได้แก่…
- มีเลือดสดๆ ออกมาตามหลังอุจจาระก้อนยื่นออกมาจากทวารหนักขณะถ่ายอุจจาระ
- ทวารหนักเปียกแฉะ
- คันรอบๆ ปากทวารหนัก
- เจ็บปวดบริเวณทวารหนัก โดยเฉพาะเวลาถ่ายอุจจาระ
- คลำได้ก้อนที่บริเวณทวารหนัก
ปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดโรคริดสีดวงทวารก็คืออุปนิสัยการขับถ่ายที่ไม่เหมาะสม การขับถ่ายที่ไม่เป็นเวลา การรับประทานอาหารที่มีกากใยน้อย และดื่มน้ำน้อย เนื่องจากโรคริดสีดวงทวารหนักมีความสัมพันธ์กับอาการท้องผูก
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ อาทิ อุปนิสัยเบ่งอุจจาระอย่างแรง, การท้องเสียเรื้อรัง, อายุที่มากขึ้นทำให้กล้ามเนื้อหย่อนยานลง, การตั้งครรภ์, โรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน, การมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก, พันธุกรรม เป็นต้น เรียกได้ว่าโรคนี้พบได้ในคนทุกเพศทุกวัย โดยในกลุ่มคนที่มีความเร่งรีบอาจจะมีความเสี่ยงมาก เพราะขับถ่ายไม่เป็นเวลา
“โรคริดสีดวงทวาร เป็นโรคไม่รุนแรง มักไม่เป็นสาเหตุให้เสียชีวิต แต่เป็นโรคเรื้อรัง”
ก่ออาการเป็นๆหายๆ เมื่อยังไม่สามารถควบคุมสาเหตุหรือปัจจัยเสี่ยงได้จึงส่งผลถึงคุณภาพชีวิตกรณีที่เป็นอันตรายคือการวินิจฉัยผิดพลาดว่าเป็นริดสีดวงทวารหนัก แต่จริง ๆ แล้วเป็นเนื้อร้าย ฉะนั้นเมื่อมีอาการป่วยควรรีบปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเพิ่มความดันในกลุ่มเนื้อเยื่อหลอดเลือดที่เป็นสาเหตุของโรคริดสีดวงทวาร รวมถึงดูแลตัวเองและใช้ยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด