“ภูมิแพ้” นับเป็นหนึ่งในโรคยอดนิยมที่เป็นกันมากทั่วโลก โรคภูมิแพ้มักไม่ค่อยรุนแรงถึงชีวิตของผู้ป่วยส่วนใหญ่ แต่จะส่งผลรบกวนต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ฉะนั้น การรู้เท่าทันเกี่ยวกับภูมิแพ้ ไม่เพียงช่วยให้สังเกตอาการเบื้องต้นได้ ยังนำไปสู่การดูแลป้องกันตนเองได้อย่างเหมาะสม
“ภูมิแพ้” คือ โรคที่เกิดจากการตอบสนองของร่างกายที่ไวต่อสารก่อภูมิแพ้มากกว่าปกติ ทำให้เกิดอาการผิดปกติกับอวัยวะที่สัมผัสสารก่อภูมิแพ้นั้น ๆ ซึ่งผู้ป่วยโรคนี้แต่ละคนจะมีอาการแตกต่างกันและความรุนแรงไม่เท่ากัน เพราะชนิดของสารก่อภูมิแพ้ที่ได้รับและการตอบสนองของร่างกายแต่ละบุคคลต่างกัน
สำหรับประเภทสารก่อภูมิแพ้ ประกอบด้วย 2 ประเภทหลัก ได้แก่
- สารก่อภูมิแพ้ในสิ่งแวดล้อมและอากาศ เช่น ไรฝุ่น ขนสัตว์ ละอองเกสร เกสรดอกหญ้า เชื้อรา ซากแมลงสาบ ฯลฯ
- สารก่อภูมิแพ้ประเภทอาหาร เช่น นมวัว ไข่ แป้งสาลี อาหารทะเล โดยเฉพาะ กุ้ง หอย ปลาหมึก ถั่วลิสง ฯลฯ
โรคภูมิแพ้ไม่ใช่โรคติดต่อแต่เกิดจากสาเหตุสำคัญ 2 อย่าง คือ
- กรรมพันธุ์ ภูมิแพ้เป็นโรคที่ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ได้ ถ้าพ่อหรือแม่เป็นโรคภูมิแพ้ ลูกก็จะมีโอกาสป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ได้ประมาณ 30% แต่ถ้าหากทั้งพ่อและแม่เป็นโรคภูมิแพ้ทั้งคู่ ลูกที่เกิดจะมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นภูมิแพ้สูงถึง 60-70 %
- สิ่งแวดล้อม เนื่องจากสารก่อภูมิแพ้ที่จะเข้าสู่ร่างกายของเรา เกิดจากภาวะแวดล้อมทั้งสิ้น ซึ่งสามารถเข้าสู่ร่างกายได้หลายทาง เช่น การหายใจ การกินอาหาร การสัมผัส ทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ตามมา เช่น ฝุ่น ละอองเกสร นมวัว ไข่ อาหารทะเล นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นที่ส่งเสริมให้เกิดอาการภูมิแพ้ เช่น อากาศเปลี่ยน การสัมผัสสารระคายเคือง เช่น ควันบุหรี่
การปฏิบัติตัวสำหรับผู้ที่เป็นภูมิแพ้ เพื่อบรรเทาหรือป้องกันอาการของโรคภูมิแพ้
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารหรือสิ่งที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ เช่น คนที่แพ้ไรฝุ่น ควรจะซักผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน และผ้าห่มด้วยความร้อน ร่วมกับการซักด้วยผงซักฟอก บนเตียงนอนไม่ควรมีตุ๊กตาผ้า ไม่ควรเลี้ยงสัตว์ในบ้าน ควรเก็บขยะให้มิดชิด
- ควรออกกำลังกายเป็นประจำ เพราะการออกกำลังกายจะทำให้ความไวของเยื่อบุจมูกหรือหลอดลมลดลง ทำให้มีภูมิต้านทานต่อหวัด ซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้อาการภูมิแพ้แย่ลง โดยเลือกออกกำลังกายแบบแอโรบิค เช่น วิ่ง เดิน ว่ายน้ำ ไม่ออกกำลังกายในช่วงที่อาการหืดกำเริบ ในสภาพอากาศร้อนหรือเย็นเกินไป รวมถึงใช้เวลาออกกำลังกายที่เหมาะสม
- ดูแลสุขภาพใจไม่ให้เครียด ควรพักผ่อนให้เพียงพอ เนื่องจากภาวะเครียดและการอดนอนจะทำให้อาการภูมิแพ้แย่ลง
- ใช้สเปรย์พ่นจมูก อควา มาริส โปรเทคโท (Aqua Maris Protecto Nasal Spray) เพื่อช่วยปกป้องเยื่อบุโพรงจมูก จากสภาวะภายนอกต่าง ๆ เช่น ฝุ่นละออง สารก่อภูมิแพ้ และสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง ช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่เยื่อบุโพรงจมูก บรรเทาอาการคัดแน่นจมูก ทำความสะอาด และชะล้างสิ่งแปลกปลอมในผู้ที่หายใจไม่สะดวกเนื่องจากอาการภูมิแพ้
ที่สำคัญ ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำและรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด รวมถึงรีบไปพบแพทย์เมื่อมีอาการแทรกซ้อนระหว่างการรักษา เช่น มีไข้ น้ำมูก ไอมีเสมหะ หอบ เป็นต้น