ภาวะรอยแผลเป็นนั้นเป็นผลพวงจากการเกิดบาดแผลบนผิวหนังบนส่วนต่างๆ ของร่างกาย เมื่อแผลหายจะทิ้งร่องรอยบาดแผลได้มากน้อยต่างกัน ทั้งนี้แผลเป็นมีทั้งแบบเรียบ แบบนูน และแบบคีลอยด์ ซึ่งต้องอาศัยการรักษาแตกต่างกันไปเช่นกัน ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงรอยแผลเป็นประเภทสีดำกัน
แล้วรอยแผลเป็นสีดำเป็นอย่างไร?
รอยแผลเป็นสีดำ นั้นชื่อตรงตัวอยู่แล้วว่าจุดที่เราเกิดรอยแผลเป็นไว้นั้นมีสีค่อนข้างเข้ม คลํ้า ออกไปทางดำอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเราจะเจอได้บ่อยๆ เพราะผิวหนังของเรานั้นมีภาวะอักเสบ ร่างกายของเราถูกกระตุ้นจากกากระบวนการผลิตสีของเซลล์เม็ดสีผิวในจุดดังกล่าว และเม็ดสัเพิ่มขึ้นจนส่งผลให้ผิวชั้นนอกที่เรามองเห็นได้นั้นคลํ้ามากกว่าที่ควรจะเป็นค่ะ และจะยิ่งคลํ้ามากขึ้นหากคุณโดนแดดมาก
รอยแผลเป็นที่คลํ้ามาจาก
อย่างที่ได้บอกไปข้างต้นว่าผิวหนังเป็นแผลและยังอักเสบ ทำให้กระบวนการผลิตสีถูกกระตุ้นทำให้เมลานินทำงานเยอะกว่าเดิม ซึ่งเมลานินนี้เป็นกระบวนการผลิตเม็ดสีผิวของเรา ยิ่งเมลานินทำงานมากสีผิวก็จะยิ่งเข้ม หลักการนี้เป็นเช่นเดียวกันกับบริเวณผิวที่เป็นแผลค่ะ และอีกหนึ่งปัจจัยที่เจอคือ การไปทำเลเซอร์ผิว เพราะหลักการของเลเซอร์นั้นผิวบริเวณดังกล่าวอาจจะไหม้ได้ จากการเลเซอร์สิว เลเซอร์ลอกผิวเป็นต้น ซึ่งการทำเลเซอร์ส่งผลกระทบต่อผิวอยู่แล้วที่จะทำให้ผลัดผิวหนัง และผิวหนังในช่วงนั้นจะมีความบอบบาง เซนซิทีฟง่าย หากคุณพลาดที่ใช้สารเคมีบางอย่างบนผิวหน้า หรือเผชิญกับแดดมากยิ่งส่งผลให้รอยดำนั้นชัดเจนขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ
ซึ่งผิวหนังด้านนอกสุดของเราเรียกว่าหนังกำพร้า หากคุณเป็นแผลแบบลึกไปถึงชั้นหนังแท้ หรือเป็นแผลติดเชื้อ แผลเป็นจะยิ่งเกิดขึ้นง่าย
แต่การเกิดแผลเป็นสีคลํ้านั้นไม่ใช่โรคที่ร้ายแรงหรือรุนแรง รวมทั้งไม่มีสะเก็ดแผลแต่อาจทำให้ผิวดูไม่เรียบเนียนและมีผลกระทบด้านจิตใจมากกว่า
วิธีการรักษามีอะไรบ้าง?
แผลเป็นแต่ละประเภทนั้นมีขั้นตอนการรักษาและดูแลแตกต่างกัน และรวมถึงความบาดลึก รวมทั้งตำแหน่งของแผล
- ใช้ยาหรือครีมทา
ยาทารอยแผลเป็นเรามักจะคุ้นเคยกันอยู่แล้ว เพราะยาทารอยแผลเป็นจะมีคุณสมบัติช่วยลดการผลิตเม็ดสีของบริเวณที่ทา ที่เรารู้จักกันในประเภทยาลดรอยดำ อย่างเช่น Hiruscar Silicone Pro ช่วยให้รอยแผลเป็นดูจางลงใน 4 สัปดาห์เมื่อใช้อย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกวัน แผลเป็นดูอ่อนนุ่มขึ้น มอบและคงความชุ่มชื้นให้ผิว ไม่รักษาสมดุลการสูญเสียนํ้าของผิว ทำให้บริเวณดังกล่าวไม่แห้งกร้าน ไม่คัน ลดเลือนรอยแผลเป็น ไม่หมองคลํ้า เพราะมีส่วนผสมของ Silicone, MPS และ Vitamin C ใช้ได้ทั้งแผลเป็นปกติ แผลนูน และแผลคีลอยด์ การทายาลดรอยแผลเป็นควรเริ่มตั้งแต่การเป็นแผลเป็นใหม่ (ไม่เกิน 3 เดือนที่แผลหายสนิท) แนะนำให้ใช้ 2 เดือนขึ้นไป แต่ถ้าแผลเป็นชัดอาจจะต้องใช้การทา 3-6 เดือนโดยประมาณขึ้นอยู่กับแผล
- ยารับประทาน
ยารับประทานเพื่อลดรอยแผลเป็นในที่นี่คือไปยับยั้งการผลิตเม็ดสีของเมลานิน เพื่อให้แผลเป็นไม่ดำไปกว่าปกติ รวมทั้งอาจจะมีวิตามิน หรือพวกอาหารเสริมแอนตี้ออกซิแดนท์เข้าไปร่วมด้วย
- ทรีตเม้นท์ผิว
หลักการคือช่วยลดการทำงานของเมลานินที่ผลิตสีผิวเช่นกัน และยังบำรุงผิวไปด้วยในตัว แพทย์ผู้เชี่ยวชาญอาจจะใช้การทรีตเม้นท์แบบผลัดเซลล์ผิว วิตามินผิวเข้าสู่ผิว หรือมาส์กผิวลดการอักเสบนั่นเองค่ะ
- เลเซอร์
หลักการคือลดการทำงานสีผิวหรือยับยั้ง ทำงายการทำงานของเม็ดสีผิวบริเวณนั้นๆ
ขึ้นชือว่ารอยแผลเป็นและการผลิตเม็ดสีของแต่ละคนนั้นมักจะแตกต่างกัน ดังนั้นหากแผลเป็นดำและเป็นหลุมอาจจะพิจารณาจากยาทาที่กระตุ้นการสร้างเนื้อ คอลลลาเจน หรือเลเซอร์ร่วมด้วย แต่ถ้าเป็นแบบคีลอยด์อาจจะมีทั้งทายา ฉีดยา หรือมีแผ่นปิดเพื่อรักษาแผลค่ะ