หลายปีที่ผ่านมา แพทย์ผิวหนังและผู้เชี่ยวชาญด้านความงามได้มีการตรวจสอบว่าการเช็ดใบหน้าด้วยสำลีชุบโทนเนอร์นั้นมีประโยชน์หรือเป็นอันตรายต่อสุขภาพผิวหรือไม่ แต่ข้อโต้แย้งนี้ไม่เกี่ยวกับโทนเนอร์ แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับแอลกอฮอล์ในโทนเนอร์ เป็นที่เชื่อกันโดยทั่วไปว่าโทนเนอร์ที่มีแอลกอฮอล์เป็นขั้นตอนสำคัญในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว แต่ก็เป็นดาบสองคมเช่นกัน แม้ว่าแอลกอฮอล์จะต่อสู้กับแบคทีเรียได้ แต่ก็ช่วยดึงความชื้นออกจากผิวด้วย เพราะแอลกอฮอล์ทำให้ผิวแห้ง ซึ่งทำให้ปัญหาต่างๆ เช่นสิวแย่ลงไปอีก นี่อาจเป็นสาเหตุที่แพทย์ผิวหนังบางคนบอกว่าโทนเนอร์ไม่จำเป็น แต่มีข้อแตกต่างที่สำคัญประการหนึ่ง: โทนเนอร์บางชนิดไม่ได้มาจากแอลกอฮอล์ ความงามของเกาหลีหรือ K-beauty ที่แพร่หลายมากกว่านั้น

คุณอาจเคยได้ยินเกี่ยวกับขั้นตอนการดูแลผิวเพื่อความงามของเกาหลีถึง 10 ขั้นตอน: การทำความสะอาด ทำความสะอาดอีกครั้ง การขัดผิว การปรับสี การแตะเอสเซ้นส์ การทาทรีตเมนต์ การมาสก์ การใช้ครีมบำรุงรอบดวงตา การเติมความชุ่มชื้น และการทาครีมกันแดด 

โทนเนอร์ K-Beauty เข้ากับลำดับการดูแลผิวนี้เป็นขั้นตอนหนึ่งในการเพิ่มผลลัพธ์ผิวที่ยอดเยี่ยม ไม่ว่าคุณจะทำตามขั้นตอนเหล่านี้แล้วหรือเพียงแค่เรียนรู้เกี่ยวกับการดูแลผิวของเกาหลี อย่าละเลยความรู้เรื่องโทนเนอร์ เดี๋ยวเราจะบอกว่าทำไมคุณถึงต้องการใส่ใจกับขั้นตอนที่เป็นประโยชน์นี้เพื่อผิวของคุณ

โทนเนอร์ K-Beauty บำรุงและทำความสะอาดผิว 

โทนเนอร์แบบเกาหลีเรียกอีกอย่างว่าโลชั่นอุดมไปด้วยส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวแทนที่จะกำจัดความชื้น คุณสามารถค้นหาส่วนผสมต่างๆ เช่น สารสกัดจากสาหร่ายทะเล น้ำแร่ กรดอะมิโน กรดไฮยาลูโรนิก น้ำมันเมล็ดองุ่น และน้ำมันรากแครอทได้ในโทนเนอร์ K-Beauty แต่คุณสามารถเอาชนะแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิวโดยไม่ใช้แอลกอฮอล์ได้หรือไม่ ซึ่งแน่นอนว่ามีวิธีอื่นๆ อีกมากมายในการต่อสู้กับสิว โทนเนอร์ K-Beauty อาศัยสารสกัด เช่น โพลิส และคาโมมายล์ ซึ่งตามธรรมชาติจะยับยั้งแบคทีเรียโดยไม่เปลี่ยนค่า pH ของผิว แต่ที่สำคัญกว่านั้น หลายขั้นตอนในกิจวัตรการดูแลผิวยังกำจัดแบคทีเรียมากขึ้นอีกด้วย

โทนเนอร์มีความสำคัญอย่างยิ่งหลังจากการทำความสะอาดสองครั้ง เพราะมันช่วยขจัดสิ่งสกปรกที่คลีนเซอร์ของคุณไม่ได้ดักจับ

เมื่อใดควรใช้โทนเนอร์?

ทำความสะอาดใบหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอางและคลีนเซอร์สูตรน้ำมัน และตามด้วยคลีนเซอร์สูตรน้ำ หลังจากนั้นใช้สำลีชุบโทนเนอร์เล็กน้อยแล้วเช็ดผิว หากแบคทีเรียหรือสิ่งสกปรกยังคงอยู่หลังจากทำความสะอาดสองครั้งนี้ โทนเนอร์ก็จะกำจัดออกไป

โทนเนอร์ปรับสมดุล pH ของผิว

ส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้นที่กล่าวมาข้างต้นมีความสำคัญเนื่องจากจะช่วยคืนค่า pH ของผิว ค่า pH ตามธรรมชาติของผิวคุณอยู่ที่ประมาณ 5.5 แต่มลภาวะ การผลิตน้ำมัน การแต่งหน้า และแอลกอฮอล์ สามารถเปลี่ยนสภาพผิวของคุณได้ ดังนั้นจึงเป็นค่า pH ของผิว ในทางกลับกัน โทนเนอร์ K-Beauty เลียนแบบค่า pH ตามธรรมชาติของผิว ส่วนใหญ่มีค่า pH อยู่ระหว่าง 5.0 ถึง 5.5 การใช้โทนเนอร์ผิวโดยตรง จะกระตุ้นให้ผิวรักษาสภาวะที่สมดุล หากผิวไม่ได้อยู่ที่ระดับ pH ที่สมดุล ผิวก็จะมีแนวโน้มที่จะเกิดวงจรของความแห้งมากเกินไป ตามมาด้วยการผลิตน้ำมันมากเกินไป 

ทำไมคุณควรซื้อโทนเนอร์? 

น้ำบริสุทธิ์มีค่า pH เท่ากับ 7 หมายความว่า เพียงแค่ทำความสะอาดและสาดน้ำจากก๊อกน้ำบนใบหน้าก็อาจทำให้ผิวของคุณไม่สมดุลได้ ดังนั้นโทนเนอร์จึงไม่ได้เป็นเพียงขั้นตอนที่จำเป็นเท่านั้น แต่ยังเป็นขั้นตอนที่สมเหตุสมผลอีกด้วย

โทนเนอร์แบบเกาหลีได้จะรับการออกแบบมาเพื่อสนับสนุนผลิตภัณฑ์ผิวอื่นๆ โดยใช้หลักคิดว่าผิวของคุณเหมือนฟองน้ำ การคืนความชุ่มชื้นเมื่อมันแห้งจะยากกว่าตอนที่มันชื้นอยู่แล้ว เอสเซ้นส์ ทรีตเมนต์ และมอยเจอร์ไรเซอร์จะถูกดูดซึมได้เต็มที่เมื่อเตรียมโทนเนอร์ ที่มากกว่าเมื่อผิวแห้ง เมื่อคุณมีผิวแห้ง ผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น เซรั่ม มาส์ก และมอยส์เจอร์ไรเซอร์ก็จะเกาะอยู่บนชั้นผิวที่ตายแล้วนี้ แอลกอฮอล์จะทำให้ผิวของคุณแห้งมากขึ้น ซึ่งทำให้ปัญหานี้แย่ลง แต่เมื่อผิวได้รับความชุ่มชื้นและมีค่า pH ที่สมดุลหลังจากใช้โทนเนอร์ ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ก็สามารถซึมซาบเข้าสู่ผิวได้

ประโยชน์พิเศษของการใช้โทนเนอร์ ช่วยให้สารออกฤทธิ์ซึมซาบจากผลิตภัณฑ์ดูแลผิวอื่นๆ ของคุณได้ง่ายขึ้น ให้คิดว่ามันเป็นตัวเสริมวิตามินซี เรตินอล หรือครีมต่อต้านริ้วรอบแห่งวัย ท้ายที่สุดแล้ว เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ช่วยเหมือนปรับสภาพบนผิวของคุณได้ ถ้าคุณมีความคิดว่าอยากให้ผิวสวยกระจ่างใส มีความชุ่มชื้น แล้วเกิดมีความคิดว่า อยากลองใช้โทนเนอร์ดีหรือไม่ เราแนะนำให้คุณเลือกที่มีส่วนผสมที่เหมาะสมสำหรับสภาพผิวของคุณโดยเฉพาะ ตัวอย่างเช่น ผิวแห้งจะได้รับประโยชน์จากสารดูดความชื้น เช่น กรดไฮยาลูโรนิก ซึ่งจับความชื้นไว้กับผิวของคุณ ในทางกลับกัน คนประเภทมันต้องการสูตรที่มีน้ำหนักเบากว่าและมีเนื้อสัมผัสที่ทำให้ผิวนวลน้อยกว่านั่นเองค่ะ