ภาวะนอนไม่หลับนั้นนำไปสู่โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูงและภาวะซึมเศร้า และการศึกษาใหม่แสดงให้เห็นว่า “ปัญหาการนอนหลับ” ยังสามารถแทรกแซงระดับความพึงพอใจเรื่องเพศของผู้หญิงได้ด้วย ผลการศึกษามีการเผยแพร่ออนไลน์ในเมื่อเดือนเมษายน 2018 ที่ผ่านมา ใน The North American Menopause Society (NAMS)
โรคอ้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงที่หลายคนคงทราบกันดีว่าก่อให้เกิดความเสี่ยงเป็นมะเร็งบางชนิดรวมถึงมะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งตับอ่อนและมะเร็งเต้านม การศึกษาแสดงให้เห็นถึงบทบาทในการส่งเสริมการเติบโตของเนื้องอกและความก้าวหน้าของมะเร็ง แต่ทั้งนี้บทบาทในการเริ่มต้นของโรคมะเร็งมีความไม่แน่นอน
ในงานวิจัยใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสุขภาพหรือการลดน้ำหนักจะพบว่า “การนอน” มีอิทธิพลต่อเป้าหมายในทางที่เป็นบวก เช่น การที่น้อยกว่า 5 ชั่วโมงต่อวัน อาจทำให้เราเสี่ยงสมองเสื่อม หรือการอดนอนทำให้เราเสี่ยงคอเลสเตอรอลสูงเมื่ออายุมากขึ้น เป็นต้น มีบทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีกนะ ลองไปอ่านกันได้
การสัมผัสแสงในช่วงกลางคืนระหว่างการนอนหลับอาจส่งผลต่อการทำงานของระบบเผาผลาญอาหาร? จุดมุ่งหมายของการศึกษาครั้งนี้คือเพื่อทดสอบสมมติฐานว่า การเปิดรับแสงในเวลากลางคืนระหว่างการนอนหลับมีผลกระทบต่อผลการเผาผลาญอาหาร โดย American Academy of Sleep Medicine
การนอนหลับระยะสั้นและระยะยาวเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อมและความตายก่อนวัยอันควรในการศึกษาผู้ใหญ่ชาวญี่ปุ่นอายุ 60 ปีขึ้นไป ผลการวิจัยได้ตีพิมพ์ในวารสาร American Geriatrics Society
นอนหลับน้อยกว่า 6 ชั่วโมงและมากกว่า 10 ชั่วโมงต่อวันมีความเกี่ยวข้องกับภาวะ Metabolic Syndrome หรืออาการ “อ้วนลงพุง” งานนี้มีงานศึกษาที่สนใจได้เปิดเผยไว้!
อดนอน = อ้วน สุขภาพแย่! ช่วงบอลโลกแบบนี้โหดดูคู่มันส์ หลายคนอดนอนเพื่อรอดูทีมโปรด แต่ “การอดนอน” จะสามารถส่งผลให้สมองของเราทำงานผิดพลาด
เพราะการ “ลดน้ำหนัก” นั้นไม่ใช่เรื่องที่เราจะทำแล้วเห็นผลด้วยความเร็ว เป็นเรื่องที่ต้องอาศัยเวลาและความอดทน ดังนั้น หนึ่งในแนวทางที่ควรทำมากที่สุดเมื่อเพื่อนๆ คิดจะลดน้ำหนักก็คือ การเพิ่มสิ่งเหล่านั้นไปในชีวิตประจำวัน
การนอนแบบหลับสนิทตลอดคืนอย่างเพียงพอมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย แถมยังทำให้ตื่นมาตอนเช้าสดชื่นมีแรงพลังต่อสู้กับงานและความวุ่นวายในแต่ละวันได้ แต่การนอนหลับสนิทตลอดคืนอาจไม่ใช่เรื่องทำได้ง่ายๆ ของบางคน และผลกระทบของการนอนไม่หลับยังมีอีกมากด้วยนะ
การลดน้ำหนักสูตรมาตรฐานที่คนส่วนใหญ่ทำกันก็คือ คุมอาหารและการออกกำลังกาย แต่ก็ใช่ว่าทุกอย่างจะง่ายไปหมด เพราะบางทีการรับประทานในปริมาณที่น้อยบวกกับการโหมออกกำลังกายก็ไม่ได้แปลว่าน้ำหนักจะหายไป เนื่องจากน้ำหนักไม่ได้บอกได้ถึงไขมันที่ซ่อนอยู่ สิ่งที่ดีที่สุดจึงน่าจะเป็นการทำความเข้าใจเกี่ยวกับร่างกายและน้ำหนักของตัวเองพร้อมๆไปกับการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพและการวางแผนออกกำลังกายที่เหมาะสม ที่สำคัญควรรู้สิ่งเหล่านี้ด้วย