ขณะนี้มีพื้นที่ 44 จังหวัดที่ประสบภัยน้ำท่วม มีผู้ได้รับผลกระทบมากกว่า 5 แสนครัวเรือน แม้สถานการณ์คลี่คลายแล้วก็ยังเหลือ 8 จังหวัด ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ฉะนั้นนอกจากการดูแลเรื่องสาธารณูปโภคต่างๆ แล้วสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือการเยียวยาทางด้านจิตใจแก่ผู้ประสบภัยค่ะ
ลูกหลานที่มีครอบครัวได้รับผลกระทบจากอุทกภัยที่ผ่านมา ควรหาเวลาเดินทางกลับภูมิลำเนา เพื่อเป็นยารักษาใจ คลี่คลายทุกข์ คลายความกังวล ให้แก่พ่อแม่และเหล่าญาติพี่น้องผู้ประสบภัยได้อย่างดีที่สุด เนื่องจากเมื่อคนเราประสบภัยโดยทั่วไป ก็มักจะต้องการความมั่นคงทางร่างกายและจิตใจเป็นลำดับแรกๆ โดยเฉพาะหากผู้ที่เข้ามาดูแลเยียวยาจิตใจเป็นคนที่เรารักอย่างลูกหลาน
ทริคสร้างพลังใจให้พ่อแม่ญาติมิตรที่ประสบอุทกภัย
- ช่วยกันให้กำลังใจคนในครอบครัวและเครือญาติ ซึ่งเป็นผู้ประสบภัย
- ตั้งสติรับฟังปัญหาความทุกข์ใจของคนในครอบครัวและเครือญาติ และทำตัวเป็นเสาหลัก เป็นแบบอย่างที่มีจิตใจเข้มแข็ง
- ไม่ควรแสดงความเสียใจเพื่อให้ผู้ประสบภัยเกิดความเสียใจซ้ำอีก
ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ประสบภัยเกิดความรู้สึกมั่นคงอบอุ่น ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองอยู่อย่างเดียวดายไร้ค่า และจะเกิดพลังใจที่เข้มแข็งมีความหวัง พร้อมจะรับมือเหตุการณ์ในอนาคตหากมีเกิดซ้ำ
ขณะเดียวกัน ลูกหลานผู้ประสบภัยก็สามารถดูแลจิตใจซึ่งกันและกันด้วยหลัก 3 ส.
- สอดส่องสังเกตพฤติกรรมของคนใกล้ชิดที่ผิดปกติไปจากเดิม เช่น มีอาการเหม่อลอย ไม่ร่าเริงสดใส เก็บตัวไม่สุงสิงกับผู้อื่นเหมือนเคย
- ใส่ใจรับฟัง เพื่อให้เขาระบายความในใจออกมาให้ได้มากที่สุด สื่อสารด้วยภาษากาย เช่น การโอบกอด การสัมผัส เพื่อปลอบขวัญ ปลอบโยน
- ส่งต่อไปยังผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญกว่าเรา หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมแก้ไขฟื้นฟูจิตใจและรับการช่วยเหลือต่อไป หากเห็นว่าเมื่อพูดคุย ปลอบใจแล้ว พฤติกรรมยังไม่ดีขึ้น
นอกจากนี้ ลูกหลานอาจถือโอกาสที่กลับมาเยี่ยมเยียนพ่อแม่ญาติมิตรร่วมกันทำความสะอาด ซ่อมแซมบ้านเรือน และรับประทานอาหารร่วมกัน จะทำให้ผู้ประสบภัยรู้สึกภาคภูมิใจและสบายใจขึ้นค่ะ