แค่เบบี๋สุดที่รักเป็นไข้ตัวร้อนจี๋ ก็ทำเอาพ่อแม่กังวลใจจนแทบจะกินไม่ได้นอนไม่หลับ ถ้าต้องเจอเหตุการณ์ที่น่าตกใจอย่าง “ภาวะชักจากไข้สูง” งานนี้เชื่อว่าส่วนใหญ่คงตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูกทีเดียว ไม่อยากพลาด เรามาเติมความรู้เกี่ยวกับภาวะนี้ เพื่อการรับมืออย่างถูกวิธีกันค่ะ
ภาวะชักจากไข้สูงแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1. ชักจากไข้สูงที่ไม่เป็นอันตราย (Simple febrile seizure) ซึ่งจะชักตามหลังจากไข้สูง ชักไม่นานกว่า 15 นาที ไม่มีการชักแบบเฉพาะที่ และ 2. ชักจากไข้สูงที่เป็นอันตราย (Simple febrile seizure) ซึ่งจะชักนานกว่า 15 นาที อาจชักกระตุกเฉพาะที่ เช่น แขน ขา ข้างใดข้างหนึ่ง มีแขนขาอ่อนแรงหลังจากการชัก
ข้อสังเกตเกี่ยวกับภาวะชักจากไข้สูง
- ส่วนใหญ่จะเกิดร่วมกับภาวะไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส
- พบว่าผู้ป่วยอยู่ในช่วงอายุ 6 เดือน ถึง 6 ปี
- การชักส่วนใหญ่เป็นแบบเกร็งกระตุกทั้งตัวเท่า ๆ กันซ้ายขวา (Generalized tonic clonic)
- ไม่มีโรคติดเชื้อของระบบประสาทหรือสมองส่วนกลางร่วม
- ไม่มีสาเหตุมาจากความผันผวนของเกลือแร่และสารน้ำในร่างกาย
- ไม่เคยมีประวัติในอดีตว่าเด็กเคยมีภาวะชักโดยไม่มีไข้มาก่อน
สาเหตุของภาวะชักจากไข้สูง
- การติดเชื้อทั่วไป ซึ่งสาเหตุเกิดได้จากไวรัสและแบคทีเรีย
- การฉีดวัคซีน มีการวิจัยพบว่าหลังรับวัคซีน DTP ชนิด Whole cell (มักเกิดในวันแรกที่รับวัคซีน) และ MMR (มักเกิดหลังฉีด 1-2 อาทิตย์) มีโอกาสเกิดไข้สูงและชักจากไข้สูงได้
สำหรับอาการของผู้ป่วยชักจากไข้สูง ได้แก่ มีอาการเกร็ง กระตุก ทั้งตัวหรือบางส่วน, ตาลอย หรือกระตุกตามไปกับอาการชัก, น้ำลายฟูมปาก, ปลายมือปลายเท้าเขียว, เรียกไม่รู้สึกตัว, ปัสสาวะ อุจจาระราด
การปฐมพยาบาลผู้ป่วยชักจากไข้สูง
- ตั้งสติให้ดี ทำจิตใจให้สงบ
- จับเบบี๋นอนตะแคงหันศีรษะไปด้านในด้านหนึ่ง ไม่หนุนหมอน เพื่อป้องกันการสำลักและลิ้นตกไปอุดทางเดินหายใจ และให้ผู้ป่วยหายใจได้สะดวก
- คลายเสื้อผ้าให้หลวม
- ห้ามใช้นิ้วหรือสิ่งของใด ๆ ใส่ปากเบบี๋ขณะชัก และห้ามป้อนยาหรือน้ำทางปาก ในขณะที่เบบี๋ไม่รู้สึกตัว
- เช็ดตัวเบบี๋ (อย่างถูกวิธี) เพื่อให้ไข้ลด จากนั้นให้ยาลดไข้เมื่อเบบี๋รู้สึกตัว
อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปแล้ว การชักจากไข้สูงไม่ได้ทำให้เกิดสมองพิการ เด็กจะมีความสามารถในการเรียนและสติปัญญา (IQ) เหมือนเด็กทั่วไป