ทรามาดอล… ยาใช้ไม่ระวัง อันตรายถึงชีวิต!

0

จากกรณีหญิงสาวคนหนึ่งแชร์เรื่องราวผ่านเฟซบุ๊กถึงอันตรายของ“ยาทรามาดอล” หรือที่วัยรุ่นนิยมเรียกว่า “ยาเขียว-เหลือง” ตามสีของแคปซูล จนทำให้แฟนหนุ่มลุกจากที่นอนไม่ได้ มีอาการสมองเบลอ ตาค้าง นอนไม่หลับ ความจำเสื่อมงานนี้ถือเป็นกรณีอุทาหรณ์สำหรับผู้ที่ชอบใช้ยาสุ่มสี่สุ่มห้าได้เป็นอย่างดี

“ยาทรามาดอล” (Tramadol)

เป็นยาที่มีฤทธิ์ยับยั้งอาการปวด ซึ่งมีกลไกการทำงานคล้ายกับอนุพันธุ์ของฝิ่นเป็นยาแก้ปวดใช้ระงับและบรรเทาอาการปวดระดับกลางไปจนกระทั่งระดับรุนแรงทั้งชนิดอาการปวดแบบเฉียบพลันและชนิดปวดแบบเรื้อรัง เช่น กรณีแผลผ่าตัด หรือปวดข้ออย่างรุนแรง เฉียบพลัน จัดเป็นยาอันตราย ต้องได้รับการควบคุมตามกฎหมาย ทั้งผู้ผลิตและร้านขายยา จะต้องมีการทำระบบรายงานการผลิต และการซื้อขายว่าเป็นอย่างไร เพื่อให้สามารถติดตามได้

tramadol

โดยร้านขายยาจะมีการกำหนดให้สามารถซื้อยาดังกล่าวได้ครั้งละ 1,000 เม็ดต่อเดือน และจ่ายยาให้ผู้ซื้อครั้งละไม่เกิน 30 เม็ดต่อครั้งส่วนการจ่ายยาจะจ่ายตามอาการบ่งชี้ โดยยาตัวนี้กินได้ไม่เกิน 5 – 7 วัน หากใช้แล้วยังไม่ดีขึ้น ต้องพบแพทย์ ที่สำคัญ ห้ามขายให้เยาวชนอายุต่ำกว่า 17 ปี และขายได้เฉพาะในร้านขายยาแผนปัจจุบันเท่านั้น

ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากการใช้งานชนิดนี้ที่พบได้บ่อย ได้แก่ อาการปวดศีรษะ เวียนศีรษะ ง่วงนอน ท้องผูก คลื่นไส้ ส่วนอาการข้างเคียงเหล่านี้พบได้ค่อนข้างน้อยจากยาทรามาดอล ได้แก่ อาการอ่อนเพลีย ปากแห้ง จุกแน่นท้อง อาเจียน ตาพร่ามั่ว ใจสั่น ประสาทหลอน ปัสสาวะบ่อย เป็นต้น

ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาทรามาดอลร่วมกับยาที่มีส่วนผสมของแอมเฟตามีน ยาแก้ซึมเศร้า เพราะอาจส่งผลให้เกิดอาการชักได้อย่างไรก็ตาม หากบริโภคยาตัวนี้เกินขนาดจะมีอาการตั้งแต่ซึม คลื่นไส้ อาเจียน ความดันโลหิตต่ำ ชัก ไปจนถึงขั้นเสียชีวิตได้

ยาทุกตัวนั้นมีประโยชน์ แต่ต้องใช้ให้อย่างเหมาะสม มิเช่นนั้น จะมีผลข้างเคียงได้ ฉะนั้น ต้องใช้ยาตามคำสั่งแพทย์เท่านั้นรวมถึงอ่านฉลากยาให้ถี่ถ้วนทุกครั้งก่อนใช้เพื่อความปลอดภัย

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *