การบริโภคผักและผลไม้วันละ 400 กรัม จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน ความดัน
แต่การรับประทานที่จะส่งผลดีต่อร่างกายนั้น ต้องบริโภคผักผลไม้ที่มีความหลากหลาย และมีปริมาณเพียงพอที่ร่างกายควรได้รับที่สำคัญต้องเป็นผักผลไม้ที่ไม่มีสารพิษตกค้าง
ข้อมูลการสุ่มตรวจผักและผลไม้ช่วงวันที่ 14 ธันวาคม 2559 ถึง 5 มกราคม 2560 ของ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข โดยสำรวจจากตลาดค้าส่งของประเทศไทย ได้แก่ ส้ม มะม่วง ฝรั่ง เงาะ ลิ้นจี่ ลำไย แก้วมังกร และชมพู่ จำนวน 99 ตัวอย่างพบว่า…
ผลไม้สดที่ตรวจพบสารพิษตกค้างหลายชนิด ได้แก่
- ส้มพบสารพิษ 9 ชนิด
- แก้วมังกร 2 ชนิด
- ฝรั่ง 2 ชนิด
- มะม่วง 1 ชนิด
- มะละกอ 1 ชนิด
สำหรับผลไม้สดที่มีอัตราการตรวจพบการตกค้างมากกว่าร้อยละ 50 ได้แก่ ส้ม แก้วมังกร ชมพู่ และลำไย ชนิดสารตกค้างที่มีอัตราการตรวจพบในผลไม้สดสูง คือ carbendazim ร้อยละ 34 และ cypermethrin ร้อยละ 23
สำหรับ “คาร์เบนดาซิม” (carbendazim) เป็นสารเคมีในกลุ่มสารป้องกันและกำจัดเชื้อราที่ก่อให้เกิดโรคพืช ซึ่งเป็นสารเคมีชนิดดูดซึม มีพิษเมื่อถูกผิวหนัง ระคายเคืองต่อดวงตา และก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม
ส่วน “ไซเปอร์เมทริน” (cypermethrin) เป็นสารเคมีที่ออกฤทธิ์ในการกำจัดแมลงเป็นสารที่ไม่ดูดซึมโดยอันตรายจากไซเพอร์เมทริน ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน เป็นตะคริวที่ท้อง เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย รล้าปวดศีรษะ มึนงงหากได้รับในปริมาณมากๆ จะทำให้กล้ามเนื้อกระตุกและชักได้
ดังนั้น ก่อนรับประทานจึงควรล้างให้สะอาดด้วยวิธีล้างด้วยน้ำไหลผ่าน โดยนำผลไม้มาใส่ในตะกร้า หรือตะแกรงโปร่ง เปิดน้ำไหลผ่านความแรงพอประมาณ ระหว่างล้างให้ใช้มือถูไปมาบนผิวผลไม้ นานประมาณ 2 นาที ส่วนผักจำพวกคะน้า ผักกาดขาว ต้องเพิ่มขั้นตอนการเตรียมผักก่อน โดยแกะกลีบออกจากต้น คลี่ใบออก ก่อนจะนำมาแช่น้ำและทำเช่นเดียวกับการล้างผลไม้
ทั้งนี้ วิธีล้างด้วยน้ำไหลผ่าน สามารถลดสารตกค้างได้ร้อยละ 25 – 65แถมผักผลไม้ยังคงความสด ไม่ช้ำ