กินขนมจีนที่ไม่ได้มาตรฐาน เสี่ยงทรมานจากสารกันบูด

0

“ขนมจีน”

เป็นเมนูที่อยู่คู่ชาวไทยมายาวนาน แถมยังได้รับความนิยมไม่เปลี่ยน เป็นเมนูที่หาทานได้ง่าย แทบทุกตลาดจะต้องมีขนมจีนวางขาย ทั้งในรูปของการนำไปรับประทานที่บ้าน ไปจนถึงให้นั่งรับประทานที่ร้าน แถมยังรสชาติดี มีคุณค่าทางโภชนาการครบทั้ง 5 หมู่ ทั้งจากขนมจีน ตัวน้ำยา และผักสดนานาชนิดที่เป็นเครื่องเคียง

แม้จะเป็นเมนูที่อร่อย ราคาถูก แถมยังมีประโยชน์ แต่ในยุคนี้เรากลับวางใจในการหม่ำขนมจีนแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ได้ซะแล้ว!

เพราะขนมจีนจำนวนไม่น้อยที่ใส่สารกันบูดเกินมาตรฐาน โดยเมื่อไม่นานนี้มีการสุ่มตรวจสารกันบูดในขนมจีนของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค พบว่าทุกยี่ห้อมีการใช้วัตถุกันเสีย โดยมี 2 ยี่ห้อที่มีปริมาณเกิน 1,000 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ตามที่กฎหมายกำหนด

ขนมจีน

ทั้งนี้ในแต่ละวันร่างกายไม่ควรได้รับปริมาณสารกันบูด หรือวัตถุกันเสียเกินกว่า 5 มก./น้ำหนักตัว 1 กก. นั่นคือ หากมีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 45 กก. ไม่ควรได้รับสารกันบูดเกิน 225 มก. ต่อวัน (ซึ่งหมายถึงเป็นปริมาณรวมของวัตถุกันเสียจากอาหารทุกชนิดที่รับประทานต่อวัน) และจากการทดลองพบว่าหากได้รับปริมาณกรดเบนโซอิกสูงถึง 500 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม อาจทำให้เสียชีวิตได้

กรดเบนโซอิก (ฺBenzoic Acid)

ถือเป็นสารกันบูดชนิดหนึ่งที่นิยมใส่ในขนมจีนเพื่อยืดอายุการเก็บรักษาอาหารไว้ได้นาน เนื่องจากสารกันบูดสามารถช่วยยับยั้งหรือทำลายจุลินทรีย์ที่ทำให้อาหารเน่าเสีย โดยกรดเบนโซอิกเป็นสารเคมีที่นิยมใช้เป็นวัตถุกันเสียในอุตสาหกรรมอาหารอย่างแพร่หลายกรดเบนโซอิกสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ได้ จากการแทรกซึมเข้าในเซลล์จุลินทรีย์ ออกฤทธิ์ยับยั้งการสร้างเอนไซม์ และการทำงานของเอนไซม์ โดยกรดเบนโซอิกจะออกฤทธิ์ได้ดีมากสำหรับยีสต์ และแบคทีเรีย

กรดเบนโซอิกมีฤทธิ์เป็นกรด สามารถระเหยกลายเป็นไอได้เมื่อถูกความร้อน หากสัมผัสตาหรือสูดดมไอจะทำให้เกิดการระคายเคือง มีอาการแสบตา เยื่อบุทางเดินหายใจระคายเคือง ส่วนการรับประทานกรดเบนโซอิกในปริมาณมากจะส่งผลให้ร่างกายขับออกไม่ทัน ทำให้เกิดอาการปวดท้อง ปวดศีรษะ ท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน นอกจากนี้ยังทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของตับและไตลดลง หรืออาจพิการได้

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *