“ไข่” จัดเป็นอาหารที่มีโปรตีนสูง และคุณภาพดีกว่าโปรตีนจากแหล่งอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น เนื้อปลา เนื้อหมู ถั่ว แถมยังอุดมด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์
อย่างไรก็ตามในไข่ก็มีคอเลสเตอรอลสูงด้วยเช่นเดียวกัน ทำให้คนกลัวการรับประทานไข่ จึงเป็นข้อถกเถียงกันมานานพอสมควร สำหรับปริมาณไข่ที่ร่างกายสามารถรับได้ในแต่ละวันโดยไม่ต้องกังวลว่าจะส่งผลเสียต่อสุขภาพ
การรับประทานไข่ให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพสูงสุด ทำได้โดย…
เด็กอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป
ให้ไข่แดงต้มสุกผสมกับข้าวบดให้ครั้งแรกปริมาณ น้อยๆ ก่อนแล้วค่อยๆ เพิ่มขึ้น เด็กอายุ1 ปีจนถึงวัยรุ่นบริโภคได้วันละ 1 ฟอง
วัยทำงาน
สำหรับคนที่สุขภาพปกติ บริโภค 3-4 ฟอง/สัปดาห์
ผู้ป่วย
หรือคนที่เป็นความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ควรบริโภคไข่ 1 ฟอง/สัปดาห์ หรือตามคำแนะนำของแพทย์
และข้อนี่คือข้อแนะนำอื่นๆ ที่ควรรู้ไว้สำหรับการ “กินไข่”
- เลือกซื้อไข่ที่สด ใหม่ เปลือกไข่ไม่แตกหรือบุบร้าว เช็ดเปลือกไข่ที่สกปรกให้สะอาดจากนั้นนำไข่เก็บไว้ในตู้เย็นเพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ และควรบริโภคไข่ให้หมดภายใน2 สัปดาห์หลังจากซื้อ
- ล้างมือหลังหยิบจับเปลือกไข่ดิบทุกครั้ง เนื่องจากอาจมีเชื้อโรคท้องเสียติดไปกับเปลือกไข่ได้ จากสถิติของสหรัฐฯ พบว่า โอกาสพบเชื้อซาโมไนลาหรือเชื้อท้องเสียในไข่มีประมาณ 1 ใน 30,000 ฟอง
- รับประทานไข่สุก ไม่รับประทานไข่ลวกหรือไข่ดิบ เพราะในไข่ลวกนั้นมีโอกาสติดเชื้อซาโมไนลา ไข้หวัดนก และเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นอันตรายกับร่างกายได้
- รับประทานไข่ควบคู่กับอาหารประเภทผัก ผลไม้ หรืออาหารหลัก 5 หมู่
- ควรรับประทานไข่หลากหลายเมนู เช่น ไข่ต้ม ไข่ตุ๋น ไข่เจียว ไข่ดาว และไข่น้ำ โดยเน้นรับประทานประเภทไข่ต้ม ไข่ตุ๋น มากกว่าไข่เจียวหรือ ไข่ดาว เพราะไข่ต้มฟองหนึ่งจะให้พลังงานเพียง 70 กิโลแคลอรี ไข่ดาวให้พลังงาน 120 กิโลแคลอรีเพราะมีนํ้ามัน ยิ่งถ้าเป็นไข่เจียวฟู 240 แคลอรี
- หลังรับประทานไข่ พยายามเลี่ยงอาหารคอเลสเตอรอลสูง โดยเฉพาะอาหารทะเล จำพวกปลาหมึก
รู้แล้วก็นำไปปรับใช้กันด้วยนะคะ เพื่อสุขภาพที่ดี ^^
