บ่อยครั้งที่เรามักปล่อยความคิดให้กลับมาทำร้ายตัวเราเองแบบไม่รู้ตัว บางครั้งเรื่องเหล่านั้นยังไม่เกิดด้วยซ้ำ ไม่ว่าคุณจะคือเพศไหน ในสังคมที่เต็มไปด้วยการแข่งขันและหลากหลายวิธีการเข้าสังคมที่แตกต่างออกไป ซับซ้อนมากขึ้น นำมาซึ่งนิสัย “คนคิดมาก” ไม่รู้ตัว
เรามาลองดูและสังเกตตัวเอง 3 ข้อใหญ่ๆ นี้กันดูว่า… อะไรที่บอกว่าเราเป็น คนคิดมาก จริงๆ
1.ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
สาเหตุของความคิดมักมาจากเรื่องใดเรื่องหนึ่ง อาจไม่ใหญ่โตนัก แต่เพราะเราไปจับไปคิด คิดแล้วคิดอีกจนกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา รู้สึกไม่สบายใจไปเรื่อย ภูเขาเล็กๆก็กลายเป็นภูเขาลูกใหญ่ จากนั้นก็ตีโพยตีพาย คิดไปล่วงหน้าว่าจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ สุดท้ายอาจออกนอกลู่นอกทางจนควบคุมไม่ได้ และอาจตัดสินใจทำอะไรผิด ๆ ลงไปทั้งที่ไม่มีอะไรเลย แบบนี้ควรระวัง ทางที่ดีคิดให้มันน้อยๆ รอให้เกิดเรื่องอะไรเสียก่อนแล้วค่อยคิดดีกว่าไหม
2.คิดทั้งคืน
เคยสังเกตไหม บางทีคืนทั้งคืนนอนไม่หลับเลยเพราะมัวแต่คิดเรื่องต่างๆในยามค่ำคืน ไม่ว่าเรื่องนั้นจะสร้างปัญหาให้หรือยังไม่ได้สร้าง บางครั้งก็เกิดความกลัวจนแทบจะวิตกจริต สุดท้ายคุณไม่อาจมองเห็นปัญหาที่แท้จริงได้ และเมื่อนอนไม่หลับทั้งคืน วันรุ่งขึ้นคุณก็จะไม่มีแรงพอที่จะรับมือกับปัญหาได้อยู่ดี เผลอๆเครียดหรือเบลอๆไปเลย ทางที่ดี ถ้าคุณคิดซ้ำซากมากกว่า 15-20 นาที ให้ลุกออกจากห้องนอน แล้วหาอะไรทำสักพัก ก่อนจะเข้านอนใหม่อีกครั้ง อ้อ!คราวนี้เอนหัวลงนอนหลับเลยห้ามคิดอะไรอีก
3.สับสนอลหม่าน
เมื่อคิดมากจนฟุ้งซ่าน สิ่งไม่ดีก็อาจมาเยือน เพราะเมื่อความคิดของคุณวิ่งวนไปมาเป็นวงกลม คุณก็จะไม่มีวันคิดอะไรออก และบ่อยครั้งที่ความคิดเช่นนี้มักพาเราไปหายาเสพติดและเหล้า ซึ่งก็ยิ่งเป็นการทำลายสุขภาพยิ่งขึ้นไปอีก
จะเห็นได้ว่าบางครั้งการคิดมากเกินไป ก็ส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยไม่รู้ตัว และเมื่อเป็นบ่อยเข้าอาจทำให้คุณเป็นโรคแพนิคไม่รู้ตัวได้เหมือนกันนะ ลองเช็คดูได้ที่บทความนี้ เวียนหัว ใจสั่น คลื่นไส้… น่าสงสัย นี่เรากำลังเป็น “โรคแพนิค” อยู่หรือเปล่า?
เพราะฉะนั้นหัดเป็นคนรู้จักคำว่า “วางเฉย” เสียบ้าง ไม่อย่างนั้นคนที่จะแย่ก็คือคุณ แย่เพราะความคิด แย่เพราะทำร้ายตัวเอง กลับมารักตัวเองด้วยการไม่คิดมากดีกว่า
