คุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบโพสข้อมูลส่วนตัว หรือทุกการเคลื่อนไหวของตัวเองลงโซเชียลบ่อยๆ อยู่หรือเปล่า รู้ไหมว่านั่นอาจหมายถึงคุณเป็นคนที่มีการทำงานของสมองแตกต่างจากคนอื่นๆ อยู่ก็ได้ ว่าแต่มีความต่างจากปกติอย่างไร และจะเป็นในแง่บวกหรือแง่ลบ ลองมาดูกัน!
จากการค้นพบของนักวิทยาศาสตร์ชาวเบอร์ลิน พบว่า…
กลุ่มคนที่มีพฤติกรรมการโพสหรือแชร์ข้อมูลของตัวเองลงโซเชียลแบบรัวๆ เช่น โพสพวกสเตตัสเพ้อๆ โพสรูปของตัวเอง โพสคลิปวิดีโอต่างๆ มักจะมีกลไกการทำงานของสมองที่แตกต่างไปจากในคนปกติ
ซึ่งนั่นอาจหมายถึงการมีพฤติกรรมย้ำคิดย้ำทำ!
หรือเกิดการจดจำพฤติกรรมชอบแชร์ เนื่องจากสมองในส่วนที่เชื่อมโยงกับการรับรู้ ถูกกระตุ้น และจำว่าเราจะต้องแชร์ต้องโพสอยู่ตลอดเวลานั่นเอง จึงทำให้เราเผลอทำกิจกรรมเหล่านี้ซ้ำๆ โดยไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังผิดปกติอยู่
นอกจากนี้ ทาง ดร.Dar Meshi ก็ได้ลองทำการวิจัยศึกษา และได้ผลลัพธ์ว่า ผู้ที่มักจะโพสข้อความต่างๆ หรือข้อมูลส่วนตัวลงบนโซเชียลบ่อยๆ จะมีการทำงานของสมองที่แตกต่างจากในคนปกติหรือในคนที่เล่นโซเชียลบ่อยแต่ไม่ค่อยได้แชร์ได้โพสสักเท่าไหร่
ถ้าหากมองในแง่ดี ก็จะพบว่าการที่มีพฤติกรรมเหล่านี้บ่อยๆ ก็ทำให้เกิดรอยหยักในสมองมากขึ้นเช่นกัน นั่นหมายถึงคนกลุ่มนี้จะมีความจำดีมาก
แต่ในขณะเดียวกันสมองก็ต้องทำงานหนักมากเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม จากการวิเคราะห์ ให้คำแนะนำว่า คนเราไม่ควรโพสหรือแชร์ข้อมูลส่วนตัวลงบนโซเชียลมากเกินไป ควรโพสแต่แค่พอประมาณจะดีกว่า
ผลการศึกษาอีกส่วนหนึ่งของ Gwendolyn Seidman of Albright College ได้เผยให้ฟังว่า คนที่ชอบโพสหรือแชร์ข้อมูลของตัวเองลงบนโซเชียลบ่อยๆ นั้น มักจะเป็นคนที่ไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเอง หรือมักจะมีเรื่องราวทุกข์ใจบ่อยๆ จึงชอบแชร์ลงโซเชียลเพื่อเป็นการระบาย ให้ตัวเองมีความสบายใจมากขึ้น อีกทั้งคนกลุ่มนี้ยังถูกมองว่าเป็นพวกชอบหนีความจริง ไม่กล้าเผชิญหน้ากับความเป็นจริงต่างๆ จึงต้องใช้หน้ากากโซเชียลในการปกปิดตัวตนที่แท้จริงของตนเอง
รู้แบบนี้แล้ว คนที่มักจะโพสข้อมูลของตัวเองหรือข้อความ รูปภาพต่างๆ ลงบนโซเชียลแบบรัวๆ อัพเดตแม้กระทั่งเรื่องราวที่ไม่น่าจะอัพ ก็ต้องทบทวนตัวเองหน่อยแล้วล่ะ ว่าการทำงานของสมองกำลังผิดแปลกไปจากในคนปกติหรือเปล่า ที่สำคัญควรลดๆ การโพสหรือข้อความลงโซเชียลจากเดิมลงบ้าง เพื่อปรับการทำงานของสมองให้กลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมได้นั่นเอง
