“ลมหนาวมาเมื่อใด ใจฉันคงยิ่งเหงา คืนวันที่มันเหน็บหนาว ไม่รู้จะทนได้นานเท่าไร ลมหนาวมาเมื่อใด กลัวฉันกลัวขาดใจ เพราะว่าใจ ที่มันอ่อนไหว ไม่เคยได้รักจากใคร ซะที”
ย่างเข้าสู่การผลัดเปลี่ยนฤดู เดี๋ยวก็ร้อนสักพักก็มีฝน อีกไม่นานลมหนาวก็พักผ่านผิวอีก เช่นนี้คือตัวการที่นำไปสู่อาการเจ็บป่วยได้ สมาคมโรคผิวหนังแห่งประเทศไทยจึงให้คำแนะนำเพื่อเป็นความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับโรคผิวหนัง 7 โรค สำคัญที่ควรระวัง ดังนี้…
โรคอีสุกอีใส
หรือบางคนเรียกว่า สุกใส เกิดจากเชื้อไวรัส ติดต่อโดยการหายใจหรือการสัมผัสถูกตุ่มแผลอีสุกอีใสหรืองูสวัดโดยตรง และการสัมผัสถูกของใช้ที่เปื้อนตุ่มแผลของผู้ป่วย ผู้ป่วยจะมีอาการปวดเมื่อยตามตัว ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร ต่อมาจะเริ่มมีตุ่มน้ำใสๆ ขึ้นตามตัว ห้ามแกะเกาเด็ดขาดเพราะจะเป็นหลุมแผลเป็นได้ง่าย
โรคงูสวัด
เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดเดียวกับที่ทำให้เกิดอีสุกอีใส ผู้ป่วยจะมีอาการไข้และปวดรุนแรง ตามแนวยาวของปมประสาท โดยจะพบกลุ่มของตุ่มน้ำใสเป็นแนวด้านใดด้านหนึ่งของร่างกาย มักจะมีอาการปวดแปล็บบริเวณเส้นประสาทร่วมด้วย
โรคเริม
เกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่ม HERPES มีลักษณะเป็นกลุ่มของตุ่มน้ำขนาดเล็กมีขอบแดง แต่ไม่เรียงตามแนวเส้นประสาท พบบ่อยบริเวณริมฝีปาก อวัยวะเพศ และก้น การติดเชื้อครั้งแรกมักจะมีอาการไข้ ปวดเมื่อยต่อมน้ำเหลืองบริเวณใกล้เคียงมักมีการอักเสบ สามารถติดต่อได้จากการสัมผัสตุ่มน้ำหรือแผลและการมีเพศสัมพันธ์
โรคหัด
มักเป็นในเด็กอายุ 1 ปีจนถึงระดับประถมศึกษา โดยมักมีอาการไข้สูง ไอมาก ตาแดงมีผื่นแดงเล็กๆ ขึ้นทั่วตัว แขน และขา สามารถติดต่อกันทางระบบทางเดินหายใจ
โรคหัดเยอรมัน
ผู้ป่วยมักมีไข้ต่ำๆ ปวดเมื่อยตามตัว หลังจากนั้นจะมีผื่นขึ้นที่หน้า คอ ลำตัว แขน และขา ผื่นมักขึ้นเต็มตัวภายใน 1 วัน และมีต่อมน้ำเหลืองโต เป็นโรคที่ติดต่อกันผ่านระบบทางเดินหายใจ
โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
ผู้ป่วยที่เป็นผื่นภูมิแพ้ผิวหนังมักจะมีลักษณะเป็นผื่นแดง แห้งลอก มีอาการคันมาก มักเป็นที่บริเวณข้อพับแขน ข้อพับขา ใบหน้า แขน ขา และซอกคอ
โรคผิวหนังอักเสบบริเวณผิวมัน
มีลักษณะเป็นผื่นแดง มีสะเก็ดเป็นมัน มีขอบชัดเจน มักอยู่บริเวณร่องจมูก หว่างคิ้ว ใบหู และหนังศีรษะ
ใครอยากหลีกไกล 7 โรคข้างต้น อย่าลืมดื่มน้ำมากๆ กินอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอกันนะครับบบ!!!
