4 วิธีกินเชิงรุก ลดภาระให้กระเพาะและลำไส้

0

นายแพทย์ไมเคิล เจนเซ่น (Michael Jemson) ผู้เชี่ยวชาญด้านต่อมไร้ท่อและโรคอ้วนเมโยคลินิกประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า หากเป็นผู้ที่มีสุขภาพปกติ (ไม่มีโรคในระบบทางเดินอาหารเช่นโรคกระเพาะอาหารโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง) อาการท้องอืดแน่นท้องส่วนใหญ่มักมีสาเหตุจากแก็สในกระเพาะอาหาร

แม้การกินอาหารที่มีเอ็นไซม์ช่วยย่อยจะบรรเทาอาการผิดปกติต่างๆของระบบทางเดินอาหารและเร่งขับลมออกจากร่างกายได้แต่ก็เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ปลายเหตุทางที่ดีควรเริ่มจากหลีกเลี่ยงอาหารและพฤติกรรมที่ทำให้เกิดแก็สและสารพัดอาการลำไส้ปั่นป่วน

เพื่อช่วยลดภาระให้กระเพาะและลำไส้ตั้งแต่ต้นทางด้วย 4 ขั้นตอนดังนี้

เคี้ยวอาหารให้ละเอียดอย่างช้าๆ

4-how-proactive-eat-reduce-the-burden-of-gastroenteritis (4)

การกินอาหารเร็วเกินไปจะเกิดลมขณะกลืนอาหารทำให้ท้องอืดได้ควรใช้เวลากินอาหารอย่างน้อยมื้อละ30นาทีและเคี้ยวอาหารให้ละเอียด เนื่องจากระบบย่อยอาหารเริ่มต้นที่ปากการเคี้ยอาหารให้ละเอียดช่วยให้อาหารมีขนาดเล็กลง เอนไซม์อะไมเลส จากน้ำลายจึงสามารถสัมผัสอาหารได้มาก่วยให้การย่อยอาหารประเภทแป้งมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นระบบย่อยไม่ต้องทำงานหนักเกินไปอีกด้วย

งดผลิตภัณท์จากแป้งสาลี

4-how-proactive-eat-reduce-the-burden-of-gastroenteritis (1)

หากมีอาการปวดท้องท้องเสีย ท้องอืดบ่อยครั้งหลังกินพาสต้า แครกเกอร์ ซีเรียส ขนมปัง ขนมอบ ให้สันนิษฐานว่าอาจมีอาการแพ้โปรตีนกลูแตนในแป้งสาลี  หากได้รับการินิจฉัยว่าเป็นโรคแพ้โปรตีนกลูแตนควรหลีกเลี่ยงอาหารกลุ่มนี้และเลือกกินอาหารปลอดโปรตีนกลูแตนได้แก่ ข้าวกล้อง แป้งข้าวจ้าวแป้งถั่วเหลือง แป้งมันฝรั่ง เนิ้อปลาอาหารทะเลน้ำมันพืชผักและผลไม้แทน หลังกินอาหารปลอดโปรตีนกลูแตน อาการต่างๆจะทุเลาลงภายใน2-3สัปดาห์

หลีกเลี่ยงของหวานสร้างแก๊ส

4-how-proactive-eat-reduce-the-burden-of-gastroenteritis (2)

เช่น เครื่องดื่มอัดลม น้ำโซดา นอกจากนี้ขนมหวานแปรรูป ทั้งลูกอมและหมากฝรั่งที่มีส่วนผสมของซอร์บิทอลซึ่งเป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาลชนิดหนึ่ง ที่หากได้รับมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน และท้องเสียได้

ไม่ปล่อยให้ท้องผูก

4-how-proactive-eat-reduce-the-burden-of-gastroenteritis (3)

หากไม่ขับถ่ายติดต่อกันนานเกิน3วัน ร่วมกับมีอาการแน่นท้อง อุจจาระแข็ง และต้องอาศัยแรงเบ่งมากเวลาถ่ายควรรีบหาทางแก้เพราะไม่เพียงทำให้เกิดอาการอึดอัดไม่สบายท้องแต่ยังอาจมีความเสี่ยงโรคร้ายเช่น โรคริดสีดวงทวาร โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ตามมา

ที่สำคัญอย่าลืมกินผักและผลไม้เพิ่มขึ้นร่วมกับดื่มน้ำให้เพียงพอวันละ 6-8แก้ว เพราะใยอาหารในผักและผลไม้ทำให้อุจจาระจับตัวเป็นก้อนและเพิ่มน้ำหนักช่วยให้ขับถ่ายง่ายส่วนน้ำช่วยให้อุจจาระอ่อนตัวและเคลื่อนออกจากลำไส้ได้ง่าย

 

 

ที่มา

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *