“ช่องปาก” เป็นอวัยวะที่ต้องสัมผัส เสียดสีกับสิ่งภายนอกร่างกาย และภายในช่องปากทุกวัน
จึงสุ่มเสี่ยงที่จะติดเชื้อได้ง่าย โรคต่างๆ ในช่องปาก อาทิ โรคฟันผุ หากปล่อยให้การผุลุกลามจนถึงโพรงประสาทฟัน จะทำให้เกิดการติดเชื้อแพร่กระจายออกจากฟันไปสู่เนื้อเยื่ออื่นๆ บางครั้งการติดเชื้อจะมีการลุกลามไปยังบริเวณที่สำคัญ เช่น ใต้คาง ใต้ตา อาการปวดและบวมจะรุนแรงขึ้น
ผู้ป่วยมีอาการบวมเข้าไปในช่องว่างระหว่างกล้ามเนื้อบางตำแหน่งจะกดหลอดลม เป็นเหตุให้หายใจไม่ออก เชื้อโรคจากการอักเสบเป็นหนองของรากฟันกรามบน จะแพร่กระจายเข้าไปในโพรงอากาศหรือไซนัสได้ด้วย เพราะรากฟันกรามบนติดชิดอยู่กับไซนัส ทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้อของไซนัสตามมาจนสามารถกลายเป็นโรคเรื้อรังได้อีกโรคหนึ่ง และหากเชื้อนั้นมีความรุนแรงมาก จะทำให้เกิดอาการอย่างเฉียบพลัน อาจอันตรายถึงชีวิต
เช่น ในรายที่โลหิตเป็นพิษ หรือหากเชื้อมีความรุนแรงน้อย การแพร่กระจายของเชื้อจะทำลายสุขภาพอย่างช้าๆ เมื่อถึงระยะที่ร่างกายอ่อนแออาการของโรคจึงจะปรากฏให้เห็น สำหรับคนที่เป็นโรคเบาหวานและมีโรคในช่องปากร่วมด้วยจะทำให้ควบคุมเบาหวานได้ไม่ดี แต่ถ้าสามารถลดการอักเสบของช่องปากได้ก็จะทำให้การควบคุมน้ำตาลในเลือดดีขึ้นด้วย
การติดเชื้อในช่องปากจะนำไปสู่การติดเชื้อที่อวัยวะสำคัญของร่างกายทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยเชื้อจะเดินทางผ่านกระแสเลือด ท่อน้ำเหลือง ระบบทางเดินหายใจ เมื่อแพร่กระจายไปสู่ลำคอ หลอดลม และปอด อาจทำให้เกิดหลอดลมอักเสบ และปอดอักเสบได้ เมื่อเชื้อโรคบางชนิด โดยเฉพาะเชื้อ Helicobacter Pylori ถูกกลืนเข้าสู่ทางเดินอาหาร อาจทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ ทั้งนี้ เชื้อโรคจากช่องปากยังสามารถแพร่กระจายไปสู่รูหู ผ่านทางท่อที่มีติดต่อกันตามธรรมชาติ และนำไปสู่การอักเสบของหูได้
วิธีดูแลสุขภาพในช่องปากและป้องกัน
ให้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และการทำอารมณ์ให้ร่าเริงแจ่มใส รวมถึงการไม่ดื่มสุราและไม่สูบบุหรี่ และที่ขาดไม่ได้ก็คือ ตรวจสุขภาพช่องปากอย่างน้อยปีละครั้ง
ร่วมกับการดูแลอนามัยช่องปากอย่างเหมาะสมโดยการแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง นานครั้งละ 2 นาที และงดรับประทานอาหารหลังแปรงฟัน 2 ชั่วโมง และใช้ไหมขัดฟันหรือแปรงซอกฟันอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง 🙂
