“โรคเอ็มจีดี”
หรือ “ต่อมน้ำตามัยโบเบียนทำงานผิดปกติ” (Meibomian gland dysfunction: MGD) คือ…
ภาวะที่การทำงานของต่อมมัยโบเบียนทำงานผิดปกติไป ทำให้ส่วนประกอบของน้ำตาที่ผลิตจากต่อมมัยโบเบียนผิดไป เมื่อน้ำตาชั้นไขมันผิดปกติ จึงไม่สามารถป้องกันการระเหยของน้ำตาชั้นอื่นๆ เกิดการไม่คงตัวของผิวของน้ำตา จึงเกิดอาการของตาแห้งและอาการอื่นๆ ทางตาตามมา
ต่อมมัยโบเมียน (Meibomian gland) เป็นชื่อต่อมน้ำตาชนิดหนึ่งที่เป็นต่อมไขมัน มีประมาณ 30–40 ต่อมที่เปลือกตาบน และประมาณ 20–30 ต่อมที่เปลือกตาล่าง ทำหน้าที่สร้างน้ำตาชั้นผิวนอกสุดหรือชั้นไขมัน ที่มีหน้าที่หลักคือ ป้องกันการระเหยของน้ำตา, รักษาสมดุลของผิวตาไว้ และทำให้ลูกตาชุ่มชื้นตลอดเวลา
ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคเอ็มจีดี ได้แก่
- มีภาวะหรือโรคทางตา เช่น ภาวะไม่มีม่านตา หนังตาหรือเปลือกตาอักเสบเรื้อรัง โรคริดสีดวงตา
- ใช้คอนแทคเลนส์
- ใช้เครื่องสำอางบริเวณเปลือกตา
- อายุที่มากขึ้น วัยหมดประจำเดือน
- ขาดฮอร์โมน Androgen
- โรคภูมิแพ้
- ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด เช่น แอนติฮิสตามีน, ฮอร์โมนที่รักษาวัยทอง
- รวมถึงปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม เช่น อุณหภูมิ ความชื้น ความสดชื่นของอากาศ การทำงานที่ใช้คอมพิวเตอร์นานๆ เป็นต้น
อาการของโรคเอ็มจีดี ได้แก่ ตาแห้ง, คันตา, แสบตา ตาแดง, คล้ายมีผงหรือมีอะไรอยู่ในตา, ตาพร่ามัว, ตาไม่สู้แสง, เจ็บตา, ใช้สายตาได้ไม่ทน, ใส่คอนแทคเลนส์ไม่ได้
หากสงสัยว่าเป็นโรคเอ็มจีดีควรไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างถูกวิธี เพราะหากรักษาไม่ถูกต้อง อาจกลายเป็นภาวะเรื้อรังที่รักษาได้ยากขึ้น การละเลยไม่รีบรักษา โรคอาจลุกลามจนเกิดภาวะแทรกซ้อน เป็นแผลที่กระจกตา ทำให้สายตามัวลงได้
ทั้งนี้คุณอาจป้องโรคเอ็มจีดีได้โดยการรักษาสุขอนามัยบริเวณเปลือกตาเพื่อลดความเสี่ยงไม่ให้เกิดโรค หลีกเลี่ยงการเขียนขาหรือใช้เครื่องสำอางบริเวณเปลือกตา หากจำเป็นต้องใช้ ควรระมัดระวังอย่าให้ใกล้ดวงตานัก และควรทำความสะอาดเปลือกตาให้สะอาดหมดจดทุกครั้งหลังใช้เครื่องสำอางเหล่านี้