“ลิมโฟม่า” (Lymphoma)
หรือ “มะเร็งต่อมน้ำเหลือง” โดยคำว่า ลิมโฟมา มาจากคำว่า ลิ้ม (lymph) แปลว่าน้ำเหลือง และ โอมา (oma) แปลว่าก้อนเนื้องอก เป็นภาวะการเจริญเติบโตอย่างผิดปกติของระบบต่อมน้ำเหลือง
ซึ่งระบบที่ว่าก็คือต่อมน้ำเหลืองที่กระจายอยู่ทั่วร่างกาย เช่น บริเวณลำคอ รักแร้ ขาหนีบ ข้อพับแขน ข้อพับขา ในช่องอก และในช่องท้อง และนอกจากในต่อมน้ำเหลืองแล้ว เซลล์ต่อมน้ำเหลืองยังมีอยู่ทั่วไปในอวัยวะทุกๆ อวัยวะทั่วร่างกาย ซึ่งสามารถเกิดเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองได้ทั้งสิ้น
เราสามารถแบ่งมะเร็งต่อมน้ำเหลืองได้ง่ายๆเป็น 2 ชนิด
- มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮอดจ์คิน (Hodgkin lymphoma) มีลักษณะเฉพาะ คือ จะพบ Reed-Sternberg cell ซึ่งไม่มีในมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดอื่น
- มะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่ไม่ใช่ฮอดจ์คิน (non-hogkin lymphoma) แบ่งออกเป็น 30 ชนิดย่อย พบมากกว่ามะเร็งชนิดฮอดคินกว่า 8-9 เท่า และพบมากขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด
สำหรับสาเหตุของโรคลิมโฟม่านั้นยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่โดยส่วนใหญ่ผู้ป่วยมักจะเป็นผู้ที่อยู่ในภาวะพร่องของระบบภูมิคุ้มกัน เช่น…
- ในผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ
- ผู้กินยากดภูมิคุ้มกัน
- ผู้ป่วยเอดส์
- ผู้ที่ได้รับสารเคมีบางชนิด
- การติดเชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรียบางชนิด
แม้โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองจะเป็นมะเร็งระบบเลือดที่พบมากเป็นอันดับหนึ่ง แต่ในปัจจุบันถือเป็นโรคที่สามารถรักษาได้ ทำให้คนไข้มีอายุยืนขึ้น ในคนไข้บางรายก็สามารถรักษาให้หายขาดได้
อาการเริ่มต้นที่พบบ่อยของโรคลิมโฟม่า คือ มีก้อนจากการที่มีต่อมน้ำเหลืองโตตามบริเวณต่างๆ คอ รักแร้ ขาหนีบ หรือเต้านม โดนที่ก้อนมะเร็งต่อมน้ำเหลือง แต่จะไม่มีอาการเจ็บ ซึ่งต่างจากการติดเชื้อที่มักจะมีอาการเจ็บที่ก้อน หรือ ต่อมน้ำเหลืองโตแล้วอาจจะไปกดหลอดเลือดดำหรือมีเซลล์ต่อมน้ำเหลืองที่ผิดปกติกระจายไปที่เยื่อบุช่องต่างๆ นอกจากนั้นอาจมีอาการที่ไม่เฉพาะเจาะจง เช่น มีไข้ น้ำหนักลด เหงื่อออกผิดปกติ ปวดศีรษะ ไอเรื้อรัง เป็นต้น
ปัจจุบันยังไม่มีวิธีตรวจคัดกรองให้พบมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในระยะเริ่มต้นที่ยังไม่มีอาการ และยังไม่มีวิธีป้องกันโรค ดังนั้น ควรหมั่นสังเกตตนเอง เมื่อคลำได้ต่อมน้ำเหลืองโต หรือ มีอาการผิดปกติต่างๆ ควรรีบพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรักษาแต่เนิ่นๆ