“หัดเยอรมัน” โรคผิวหนังที่ต้องระวังในช่วงฤดูหนาว

0

อากาศช่วงฤดูหนาวมักมีการเปลี่ยนแปลงบ่อยอยู่เสมอนอกจากอุณหภูมิที่ต่ำลง บางครั้งอาจมีฝนตกบ้างให้ชุ่มฉ่ำ หรือในเวลาใกล้ๆ เที่ยงกลับมีแสงแดดที่แรงจัด เหล่านี้อาจเป็นสาเหตุทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทัน นำไปสู่อาการเจ็บไข้ได้ป่วย หนึ่งในนั้นคือ “โรคหัดเยอรมัน” ซึ่งเป็นโรคผิวหนังยอดฮิตอันดับต้นๆ ที่มักมาพร้อมกับลมหนาว

โรคหัดเยอรมัน (German measles/Rubella)

german-measles (2)

เป็นไข้ออกผื่นอีกชนิดหนึ่ง เกิดจากเชื้อไวรัส Rubellaพบทั้งในเด็กและในผู้ใหญ่ผู้ป่วยโรคนี้จะมีอาการออกผื่นคล้ายโรคหัด แต่เป็นโรคคนละชนิดกัน และมีอาการรุนแรงน้อยกว่าโรคหัดมักจะหายได้เองโดยไม่มีโรคแทรกซ้อน แต่เป็นโรคที่ต้องระวังเนื่องจากหากเกิดการติดเชื้อในหญิงตั้งครรภ์ เชื้ออาจแพร่กระจายเข้าทารกในครรภ์ โดยส่วนหนึ่งจะทำให้ทารกเสียชีวิตตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา แต่ส่วนที่รอดชีวิตมาได้มักจะเกิดความพิการตามมา

อาการของผู้ป่วยโรคหัดเยอรมัน ได้แก่ มีไข้ต่ำๆ ไม่เกิน 38 องศาเซลเซียส ปวดเมื่อยตามตัว หลังจากนั้น จะมีผื่นขึ้นที่หน้า คอ ลำตัว แขนและขา ผื่นมักขึ้นเต็มตัวภายในระยะเวลา 1 วัน และมีต่อมน้ำเหลืองโต ผื่นมักจะหายไปเองภายในระยะเวลาไม่เกิน 3 วัน ในระหว่างนั้นให้ดูแลตัวเองหรือผู้ป่วยตามอาการจนกว่าโรคจะสงบไปเอง อาทิ กินยาลดอาการไข้ กินยาแก้อักเสบ ทายาแก้คัน

german-measles (1)

โรคหัดเยอรมันเป็นโรคที่ติดต่อกันทางระบบทางเดินหายใจ โดยเชื้อไวรัสจะอยู่ในน้ำมูก น้ำลาย ของผู้ป่วย ติดต่อได้โดยการ ไอ จาม หายใจรดกัน ส่วนการสัมผัสผื่นที่ผิวหนังไม่ได้ทำให้ติดโรคระยะฟักตัวของโรค ประมาณ 2-3 สัปดาห์ นับตั้งแต่วันที่รับเชื้อจนถึงวันที่มีอาการ ปรากฏให้เห็น

ทั้งนี้ทุกคนที่ได้รับเชื้อหากไม่มีภูมิต้านทาน สามารถเป็นโรคไต้ ผู้ป่วยที่หายจากโรคนี้แล้วจะมีภูมิคุ้มกันไปตลอดชีวิต

ฉะนั้นพ่อแม่ผู้ปกครองควรพาบุตรหลานไปฉีดวัคซีนป้องกันหัดเยอรมันตามเกณฑ์เพื่อป้องกันการเกิดโรค ส่วนผู้หญิงที่จะแต่งงาน หรือตั้งใจจะมีลูก ถ้ายังไม่เคยฉีดวัคซีน ต้องฉีดวัคซีนก่อนตั้งครรภ์ อย่างน้อย 28 วัน เพื่อป้องกันโอกาสที่วัคซีนจะทำให้ทารกติดเชื้อได้

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *