“นิ่วในถุงน้ำดี” (Gall stone)
โรคในระบบทางเดินน้ำดีที่พบได้บ่อยมักพบในผู้ใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี และพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย เนื่องจากคนช่วงอายุนี้มักมีไขมันในเลือดสูง
เกิดจากอะไร???
เกิดจากองค์ประกอบในน้ำดีตกตะกอน เวลาที่มีการดูดซึมน้ำออกไปจากน้ำดีภาวะไม่สมดุลของสารประกอบในน้ำดี เป็นเหตุให้มีการตกผลึกของคอเลสเตอรอล และมีหินปูน (สารแคลเซียม) จับตัวร่วมด้วยก้อนนิ่วนี้อาจมีขนาดเล็กเท่าเม็ดทรายหรือใหญ่เท่าลูกกอล์ฟ และอาจมีได้ตั้งแต่หนึ่งก้อนจนถึงหลายร้อยก้อนก็เป็นได้นอกจากนี้ถ้ามีนิ่วค้างอยู่เป็นเวลานาน อาจกระตุ้นให้เกิดมะเร็งถุงน้ำดีได้
อาการของโรคนิ่วถุงน้ำดีเป็นไง???
มีตั้งแต่ ท้องอืด อาหารไม่ย่อย แน่นท้องหลังรับประทานอาหาร
โดยเฉพาะหลังรับประทานอาหารที่มีไขมันมากไข้สูงเฉียบพลันบางครั้งนิ่วไปอุดท่อถุงน้ำดี ทำให้มีอาการปวดแบบปวดดิ้น หรือถ้านิ่วตกลงไปอุดท่อน้ำดีใหญ่ จะทำให้มีอาการตัวเหลืองตาเหลือง ตับอ่อนอักเสบ ซึ่งมีอันตรายรุนแรงถึงชีวิตได้แต่ในบางรายอาจตรวจพบนิ่วในถุงน้ำดีแต่ไม่มีอาการได้เช่นกัน
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เป็นนิ่วในถุงน้ำดี คือ…
- พันธุกรรม มีคนในครอบครัวเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดี
- ภาวะอ้วน เป็นสาเหตุที่ทำให้ปริมาณคอเลสเตอรอลในน้ำดีเพิ่มขึ้นรวมถึงการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงและเส้นใยต่ำก็เสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี
- ฮอร์โมนเอสโตรเจนและการตั้งครรภ์ มีผลเพิ่มปริมาณคอเลสเตอรอลและลดการเคลื่อนตัวของถุงน้ำดี ผู้หญิงที่รับประทานยาคุมกำเนิดหรือฮอร์โมนทดแทน
- เพศและอายุ โรคนิ่วในถุงน้ำดีพบมากในเพศหญิงและผู้สูงอายุ
- การกินยาลดไขมัน ซึ่งมีผลต่อการเพิ่มปริมาณคอเลสเตอรอลในน้ำดี
- การลดน้ำหนักตัวอย่างรวดเร็วส่งผลให้ถุงน้ำดีลดการบีบตัว ก่อให้เกิดตะกอนน้ำดีคั่งได้ง่าย
- โรคเบาหวาน เนื่องจากผู้ป่วยโรคเบาหวานมีแนวโน้มที่จะมีระดับของไตรกลีเซอไรด์ในเลือดเพิ่มสูงขึ้น และถุงน้ำดีจะมีการบีบตัวน้อยในผู้ที่มีน้ำตาลในเลือดสูง จึงมีความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในถุงน้ำดีได้
คำถามที่หลายคงอยากรู้ก็คือ จะตรวจพบว่าเป็นนิ่วถุงน้ำดีได้อย่างไร? วิธีที่ดีที่สุดที่จะวินิจฉัยว่ามีนิ่วในถุงน้ำดี คือการตรวจอัลตร้าซาวด์ ฉะนั้นหากสงสัยว่าตัวเองป่วยเป็นนิ่วในถุงน้ำดี ควรรีบไปพบแพทย์