
หลายครั้งที่สื่อโซเชียลทำให้เราได้รู้จักกับโรคที่ไม่เคยคุ้นเคยมาก่อนหรืออาจมีอาการแต่ไม่รู้ว่าเกิดจากโรคใด เช่นเดียวกับ
กรณีที่มีผู้ใช้น้ำมัน E85 มาขัดบริเวณซอกคอ เพื่อรักษารอยปื้นดำที่ซอกคอ ซึ่งได้มีการแชร์คลิปลงในสื่อโซเชียล ซึ่งเมื่อพิจารณาจากลักษณะของรอยดำปื้นที่คอนี้ คาดว่าน่าจะป่วยด้วย “โรคผิวหนังช้าง”
“โรคผิวหนังช้าง” (Acanthosis Nigricans) เป็นลักษณะของผิวหนังที่มีสีค่อนข้างคล้ำไปถึงดำ อาจจะมีความคล้ายคลึงกับขี้ไคลเล็กน้อย อาจมีผิวสัมผัสที่เนียนนุ่ม หรืออาจแห้งกร้าน หรือขรุขระดูคล้ายผ้ากำมะหยี่ พบบ่อยที่บริเวณซอกพับของร่างกาย เช่น หลังคอ รักแร้ ขาหนีบ หากเป็นมากอาจพบที่บริเวณใดก็ได้ เช่น ใบหน้า หลังมือ ใต้หน้าอก ฝ่าเท้า ด้านหน้าของข้อศอก ทวารหนัก อวัยวะเพศ บางครั้งจะมีติ่งเนื้อจำนวนมากขึ้นควบคู่ไปกับปืนดำ อีกทั้งยังอาจมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ และอาการคันร่วมด้วยเมื่อมีการปรากฎของร่องรอยดำนี้ขึ้น
ลักษณะของโรคนี้มักจะสัมพันธ์กับผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน โรคอ้วน รวมถึงเชื่อมโยงกับหลายสาเหตุ เช่น โรคทางระบบฮอร์โมนและต่อมไร้ท่อ, การมีระดับฮอร์โมนที่ผิดปกติ, การทำงานอินซูลินในร่างกายไม่คงที่ ซึ่งอาจอยู่ในระดับสูงเกินไป หรือร่างกายมีความต้านทานต่ออินซูลิน, ความผิดปกติของต่อมใต้สมอง, ยาและอาหารเสริมบางชนิด เช่น ไนอะซิน ยาคุมกำเนิด ยากินเพรดนิโซโลนและอาจจะสัมพันธ์กับกรรมพันธุ์ นอกจากนี้ยังมีรายงานว่ามีความสัมพันธ์กับมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งกระเพาะอาหาร
อย่างไรก็ตาม การเอาน้ำมัน E85 มาขัดฟอกบริเวณรอยโรคนั้น ไม่ควรทำ เพราะนอกจากจะไม่ช่วยรักษารอยโรคแล้วอาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้ เนื่องจากน้ำมัน E85 มีส่วนประกอบของเอทานอล 85% และน้ำมันเบนซิน 15% ซึ่งเมื่อสัมผัสกับผิวหนังโดยตรงอาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวอย่างรุนแรงได้ หรือการสูดดมเข้าไปมาก ๆ อาจทำให้มีอาการเวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน ในระยะยาวอาจมีผลต่อระบบประสาทกับทางเดินหายใจด้วย
ทั้งนี้ แพทย์สามารถวินิจฉัยสาเหตุของโรคได้จากลักษณะของรอยโรค ร่วมกับการซักประวัติ ในส่วนของแนวทางการรักษานั้น การรักษาโรคหรือภาวะที่เป็นสาเหตุ จะทำให้รอยโรคของโรคผิวหนังช้างดีขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็น การออกกำลังกาย ลดน้ำหนัก ควบคุมอาหาร ปรับฮอร์โมนในร่างกายให้สมดุล หรือการหยุดใช้ยาที่อาจเป็นสาเหตุของโรค การใช้ยาทาหรือยากินบางกลุ่มก็สามารถช่วยให้รอยโรคทุเลาลงได้ นอกจากนี้ อาจใช้วิธีเลเซอร์ผิวหนัง เพื่อลดความหนาของรอยดำ พร้อมปรับสีผิวให้กระจ่างใสขึ้น
หากมีอาการเจ็บป่วยหรือรู้สึกว่าร่างกายผิดปกติ สิ่งที่ควรทำคือการไปพบแพทย์เพื่อตรวจคัดกรองและหาสาเหตุของโรค เพื่อนำไปสู่การดูแลรักษาที่เหมาะสมต่อไป อย่าลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง เพราะอาจอันตรายถึงชีวิต