แม้ “โรคพิษสุนัขบ้า” จะเป็นโรคที่คนส่วนใหญ่จะเคยได้ยินได้เห็นผ่านหูผ่านตามาบ้างไม่มากก็น้อย แต่หลายคนก็ยังเข้าใจผิดเกี่ยวกับโรคนี้ โดยมักมองว่าอันตรายน้อยกว่าความเป็นจริง คิดว่ารักษาหาย ฉะนั้นเมื่อโดนสุนัขกัดหรือขวนเล็กน้อย ก็ชะล่าใจ ไม่รักษาฉีดวัคซีน หารู้ไม่ว่าสุดท้ายอาจติดเชื้อจนตายได้!
ข้อมูลจาก นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า สถานการณ์โรคพิษสุนัขบ้าของไทยขณะนี้ยังเป็นที่น่ากังวลอยู่ เนื่องจากผลการตรวจหัวสุนัขที่สงสัยเป็นโรคพิษสุนัขบ้า ยังคงมีรายงานอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2560 กรมปศุสัตว์รายงานว่า สุนัข แมวทั่วประเทศ ป่วยเป็นโรคดังกล่าวกว่า 800 ตัว
ที่น่าตกใจ คือ เริ่มปี 2561 เดือนเดียวพบสุนัขบ้าแล้วกว่า 135 ตัว!
และยังคงพบผู้ป่วยโรคพิษสุนัขบ้าอยู่ในพื้นที่ที่มีพบสัตว์ป่วยโรคนี้ สำหรับการเสียชีวิตส่วนใหญ่ของผู้ป่วยโรคพิษสุนัขบ้า มาจากการไปรับการรักษาเมื่ออาการของโรคเริ่มแสดงแล้ว ทำให้สายเกินกว่าจะยับยั้งเชื้อได้ทัน สาเหตุส่วนใหญ่มาจากการชะล่าใจในการป้องกัน และรักษาโรคเบื้องต้น
คนไทยยังมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเรื่องโรคพิษสุนัขบ้า โดยร้อยละ 60 คิดว่าโรคพิษสุนัขบ้า “รักษาหาย” และร้อยละ 59 คิดว่า “ไม่เป็นไร”
เมื่อถูกสุนัข หรือแมวข่วนเป็นแผลเล็กน้อย จึงไม่ทำความสะอาดแผลเบื้องต้น หรือไม่เข้ารับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคให้ครบ ทั้งนี้ เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกาย ระยะการแสดงอาการของโรคนั้นไม่แน่นอน บางรายอาจนานเป็นปี เมื่อผู้ป่วยมีอาการแล้ว จะรักษาไม่หายและเสียชีวิตทุกราย
วิธีป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
- อย่า 5 ย. คือ อย่าแหย่ อย่าเหยียบ อย่าแย่ง อย่าหยิบ อย่ายุ่งกับสุนัขคนอื่น หรือสุนัขที่มีการผิดปกติ
- เมื่อถูกสุนัข หรือแมว ข่วน หรือกัด ควรรีบล้างแผลด้วยน้ำและสบู่ทันทีหลายๆ ครั้ง และใส่ยาเบตาดีนหลังล้างแผล เพื่อลดการติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้า
- รีบพบแพทย์โดยทันที เพื่อรับการวินิจฉัยรับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า หากได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว ควรไปตามนัดทุกครั้ง เพื่อการป้องกันสูงสุด
- เมื่อถูกกัด ควรกักสุนัขหรือแมวตัวที่กัดข่วน ไว้เพื่อสังเกตอาการ 10 วัน หากสัตว์ที่กักตายลงให้รีบแจ้งปศุสัตว์ในพื้นที่ เพื่อการส่งตรวจหาโรคพิษสุนัขบ้าในสัตว์
ที่สำคัญ เจ้าของสุนัข เเละเเมว ควรนำสัตว์เลี้ยงของตนเข้ารับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าเป็นประจำทุกปี เพื่อการป้องกันที่มีประสิทธิภาพค่ะ