“ยอมรับว่าการลดน้ำหนักเป็นบางอย่างที่คุณต้องทำและมันก็ทรมานคุณไปด้วย ความคิดคุณจะเป็นแบบนี้เมื่อมองการลดน้ำหนักเป็นเรื่องในระยะสั้น” Deborah Beck Busis เจ้าหน้าที่ประสานงาน Diet Program Coordinator ในศูนย์ Beck Diet Solution สถาบันที่คิดค้นโปรแกรมลดน้ำหนักและดูแลเกี่ยวกับเรื่องการลดน้ำหนัก
สิ่งที่ Deborah พยายามจะบอกก็คือ ให้เราเปลี่ยนมุมมองในหารลดน้ำหนักใหม่ มันจะดีกว่าถ้าเราเลือกว่าให้การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินไม่ใช่จุดมุ่งหมายไปที่การลดน้ำหนักเท่านั้น แต่ให้เล็งเป้าหมายพุ่งไปที่เรื่องของสุขภาพด้วยเหมือนกัน เพราะถ้าอย่างเราลดน้ำหนักด้วยการนับแคลอรี่ เริ่มจากแคลอรี่ที่น้อยเกินกว่าร่างกายจะไหวอย่างเคยกินวันละ 2,000 แคลอรี่ แต่ลดไปที่ 1,200 แคลอรี่ แบบนี้ที่สุดเราอาจทนไม่ไหว กลับมากินหนักกว่าเดิม จนเกิดเป็นอาการที่ตามมาเรียกว่า Yo Yo นั่นเอง
John Apolzan ผู้ช่วยศาสตรจารย์ Ingestive Behavior Lab และ Pennington Biomedical Research Center แห่ง Louisiana State University บอกว่ามีงานวิจัยที่สนับสนุนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงความคิดการลดน้ำหนัก ที่ให้มองหาเป้าหมายระยะยาวมากกว่าแค่การมองเห็นผลในระยะสั้น
“ตัวเลขที่ลดลงในช่วงแรกของการหักโหมลดมากเกินพอดีและไม่ได้มองผลระยะยาวเป็นแรงจูงใจอย่างดีที่ทำให้คุณคิดว่ามันได้ผลจริงๆ แต่หลังจากนั้นหากคุณไม่สามารถคุมปริมาณการกินได้เท่าตลอดเวลาที่หักโหมลดในช่วงแรก ก็จะทำให้น้ำหนักตีกลับมาได้ ซึ่งนั่นไม่น่าจะใช่สิ่งที่หลายคนต้องการ”
Brooke Alpert นักโภชนาการและผู้เขียนร่วมในงาน The Sugar Detox “กำหนดเป้าหมายเล็กแต่ยิ่งใหญ่ สามารถทำได้ตลอดชีวิต เช่น ในหนึ่งเดือนคุณจะกินพิซซ่าแค่ 1 ชิ้น แบบนี้ท้าทายมากกว่าและสามารถทำได้จริงโดยไม่ทรมานมาก” บางคนอาจทำด้วยการเลิกกินไปเลย ที่สุดแล้วหากความอยากเอาชนะได้ในที่สุด ก็จะทำให้เกินอาการ Over eating หรือการกินเกินได้ไม่รู้ตัว!