แม้ลูกวัยประถมอาจจะช่วยเหลือตัวเองได้ดี รู้เรื่องมากขึ้นก็จริง แต่เราก็ยังห่วงอยู่ดี แล้วภัยนอกบ้านสมัยนี้ก็รอบตัวค่ะ ครั้นเราจะคอยตามเฝ้าระวังภัยให้ลูกทุกฝีก้าวเหมือนตอนลูกยังเล็กๆ ก็คงเป็นไปไม่ได้
แม้แต่เมื่อลูกอยู่ในบ้าน ถ้าคุณพ่อคุณแม่ชะล่าใจ ปล่อยลูกให้อยู่บ้านตามลำพัง ก็อาจเกิดอันตรายได้อีกเช่นกัน ทางที่ดี เราควรฝึกทักษะการดูแลตัวเองให้ลูกตั้งแต่เนิ่นๆ เขาจะได้รู้จักระแวดระวังและป้องกันตนเองเป็นเบื้องต้น ในเวลาที่อยู่ไกลหูไกลตาพ่อแม่
การเตรียมการณ์ไว้ล่วงหน้าจะทำให้เขาตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วและมั่นใจ ซึ่งจะทำให้สถานการณ์คลี่คลาย หรืออย่างน้อยก็บรรเทาความร้ายแรงลงได้
คนแปลกหน้ามากดกริ่ง/ เคาะประตู
ให้ล็อกประตูให้แน่น อย่าบอกว่าเราอยู่บ้านคนเดียว ให้บอกไปว่าตอนนี้พ่อแม่ไม่สะดวกพบ ค่อยมาใหม่วันหลัง ถ้าเขายังไม่ไป ให้โทร.บอกพ่อแม่ การพูดคุยกับคนแปลกหน้าควรยืนอยู่ในระยะห่าง พูดให้น้อยและสั้นที่สุด
มีโทรศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย ถามว่าพ่อแม่อยู่บ้านไหม
ให้บอกแค่ว่าพ่อหรือแม่ยังไม่สะดวกรับสาย ให้สั่งธุระเอาไว้ แล้วจดโน้ตวัน เวลา ชื่อคนที่โทร.มาและหมายเลขติดต่อกลับ ทวนข้อความทั้งหมดให้เขาฟังสั้นๆ เพื่อไม่ให้มีอะไรตกหล่น
คนแปลกหน้าให้ขนม เงิน หรือขอฝากสิ่งของ
ให้ปฏิเสธทันที แล้วหนีออกมาจากสถานการณ์ให้เร็วที่สุด รีบไปหาคุณพ่อคุณแม่ หรือไปอยู่ในบริเวณที่มีคนพลุกพล่านเห็นได้ชัดเจน
ถูกคนแปลกหน้าชักชวน
ถ้ามีคนแปลกหน้ามาบอกว่าพ่อแม่ให้มารับแทน หรือพ่อแม่เราได้รับบาดเจ็บ จะพาไปหาที่โรงพยาบาล อย่าหลงเชื่อแล้วไปด้วยเด็ดขาด ถ้าอยู่ในโรงเรียน ให้ไปหาครูแล้วเล่าให้ครูฟัง แต่ถ้าอยู่ที่อื่นซึ่งไม่มีผู้ใหญ่อยู่ด้วย ก็ให้ไปรวมกลุ่มกับคนอื่น ๆ แล้วโทรศัพท์เช็กความจริงกับคุณพ่อคุณแม่ก่อน พยายามสังเกตและจดจำหน้าตาของคนๆ นั้น รวมทั้งลักษณะและทะเบียนรถให้ดี เพื่อเป็นข้อมูลเล่าให้ผู้ใหญ่ฟัง
ถูกคนขับรถตาม ท่าทางมีพิรุธ
พยายามอยู่ห่างๆ เอาไว้ เดินให้ห่างจากรถและถนน อย่าหยุดเดินเพื่อพูดคุยโต้ตอบ ถ้ารถคันนั้นยังคงติดตามเราไปเรื่อยๆ ให้มองหาบ้านที่มีคนอยู่ แล้วเดินเข้าไปเลย บอกเขาว่าเรากำลังเจอเหตุการณ์อะไรอยู่ บอกให้เขาช่วยโทร.แจ้งตำรวจด้วย
ถูกคนเอามือมาสัมผัสส่วนของร่างกายที่ไม่สมควร
ร้องดัง ๆ แล้วรีบวิ่งออกมา คุณพ่อคุณแม่ต้องย้ำกับลูกว่า ร่างกายเป็นของลูก ห้ามใครมาสัมผัส โดยเฉพาะในส่วนเร้นลับของร่างกาย ไม่มีใครมีสิทธิแตะต้องหรือขอดู ซึ่งพ่อแม่เองหรือแม้แต่หมอ ก็ต้องขออนุญาตเขาก่อน
หลงทางในห้างสรรพสินค้า
อย่าเดินหาพ่อแม่จะยิ่งหลง ควรหยุดรออยู่บริเวณที่เห็นกันครั้งสุดท้ายสักครู่ หากคุณพ่อคุณแม่ไม่มาจริงๆ ให้เดินไปหาพนักงานประจำห้างหรือร้านค้าบริเวณนั้น บอกเขาว่าหลงทาง ขอให้ช่วยประกาศหาคุณพ่อคุณแม่ให้ แล้วคอยอยู่ตรงนั้นจนกว่าพ่อแม่ของเราจะมาถึง ทางที่ดีเวลาไปไหนมาไหน ควรนัดแนะจุดนัดพบเผื่อเกิดเหตุพลัดหลงกันเอาไว้ล่วงหน้า และสอนลูกให้ท่องชื่อและเบอร์โทรศัพท์ติดต่อคุณพ่อคุณแม่ให้ขึ้นใจค่ะ กรณีที่ลูกยังเล็กอาจจะจดเบอร์โทรศัพท์ใส่กระเป๋าหรือแขวนคอลูกไว้ทุกครั้งที่ออกจากบ้านนะคะ
เหตุการณ์เฉพาะหน้าอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นทุกวัน แต่เราไม่มีวันรู้ได้เลยว่าจะเกิดขึ้นกับลูกวันไหน … การพร่ำสอนซ้ำๆ ให้เขารู้จักระวังภัยปกป้องตัวเองได้เบื้องต้น ย่อมเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่คุณพ่อคุณแม่สามารถทำได้และควรจะทำเป็นอย่างยิ่งค่ะ