เรื่องกลัว เรื่องอายสำหรับเด็กอาจดูเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ แต่อย่าปล่อยให้ลูกเป็นเด็กที่ไม่กล้าและกลัวไปเสียทุกเรื่องนะคะ คุณพ่อคุณแม่ควรเสริมความมั่นใจเป็นพื้นฐานให้ลูกสามารถดูแลช่วยเหลือตัวเองได้ในอนาคต ด้วยวิธีการต่อไปนี้ค่ะ
การเล่นเป็นเรื่องสำคัญสำหรับลูกวัยซน เพราะนอกจากจะสร้างความสนุกสนานแล้ว ลูกยังได้เรียนรู้ผ่านการเล่นและยังช่วยกระตุ้นพัฒนาการทางด้านต่างๆ ได้เป็นอย่างดีด้วย ฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรให้ความใส่ใจกับการเล่นและการเลือกของเล่นให้ลูกนะคะ
เด็กซน คือ เด็กฉลาด แต่ถ้าซนมากจนเกินไปขนาดไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ หรือไม่สามารถปรับอารมณ์ได้ตามพัฒนาการที่เหมาะสมกับช่วงวัย ก็คงจะน่าเป็นห่วงแล้วล่ะค่ะว่าลูกเราอยู่ในภาวะเสี่ยงที่จะเป็นโรคสมาธิสั้นหรือปัญหาทางพัฒนาการด้านใดหรือเปล่า
ตำราโดยทั่วไปมักกล่าวไว้ว่า เด็กจะพร้อมสำหรับการฝึกขับถ่ายให้เป็นเวลา เมื่อเข้าสู่ช่วงอายุราวๆ 1 ขวบ 5 เดือน ถึง 2 ขวบ 5 เดือนซึ่งอาจจะเร็วหรือช้ากว่านี้ก็ได้ และการฝึกต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร
เราอาจเคยมีความรู้สึกว่าบางครั้ง ลูกติดคุณพ่อคุณแม่มาก ไม่ค่อยกล้าแสดงออก ไม่มั่นใจที่จะพูดคุยแสดงอารมณ์ความรู้สึกต่อหน้าคนแปลกหน้า หรือหากต้องอยู่ในสถานที่ที่ไม่เป็นส่วนตัวหรือไม่ใช่ที่ที่คุ้นเคย โดยเฉพาะการเพิ่งเข้าเรียน ย้ายห้องใหม่
หลายๆ บ้านประสบปัญหาเมื่อคุณแม่มีน้องน้อยเป็นสมาชิกใหม่ พี่คนโตที่อยู่ในช่วงวัยซน โดยเฉพาะวัยอนุบาลอาจจะยังแยกแยะไม่ออก จึงเกิดอาการ ‘อิจฉา’ น้อง
สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ลูกมีสมาธิน้อยลงเพราะถูกกระตุ้นด้วยสิ่งเร้าอยู่ตลอดเวลา วิธีที่ดีที่สุดที่พาลูกออกห่างจากสิ่งเร้าเหล่านี้คือการหากิจกรรมที่จะดึงลูกออกจากจอทั้งหลายค่ะ
วัยซนของเด็กๆ คือ ช่วงเวลาสำคัญแห่งการเรียนรู้ คุณพ่อคุณแม่คงวาดฝันอยากให้ลูกเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ทำอย่างนั้นอย่างนี้ แต่เคยย้อนมองตัวเองไหมคะ ว่าตัวเราเองได้ทำตัวเป็นแบบอย่างให้ลูก ‘เลียบแบบ’ หรือเปล่า
ครั้งที่แล้วแม่นุ่มเคยได้แนะนำวิธีการใช้ครีมกันแดดสำหรับเด็กน้อย แต่ก็ได้ย้ำว่าถ้าจะให้ดีควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องเผชิญกับแสงแดดโดยตรง แหมแต่ก็หน้าร้อนนี่คะจะเลี่ยงได้อย่างไร คราวนี้เรามาดูวิธีจัดการกับความร้อนและแสงแดดที่เหมาะสมในช่วงหน้าร้อนนี้กันดีกว่าค่ะ
ก่อนอื่นคุณพ่อคุณพ่อคุณแม่คงต้องทำความเข้าใจกันก่อนค่ะว่า ลูกดูดนิ้วเพราะอะไร แบบไหนจึงจะเรียกว่าผิดปกติ อายุขนาดไหนจึงควรแก้ไข แล้วจึงค่อยตอบคำถามว่าตัวเองว่า ลูกของเราต้องการการตอบสนองแบบไหน แล้วจำเป็นต้องแก้ไขหรือไม่??