หญิงตั้งครรภ์น้ำหนักน้อย หมายถึง หญิงตั้งครรภ์ที่มีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ก่อนตั้งครรภ์น้อยกว่า 18.5 กิโลกรัมต่อตารางเมตร และ/หรือมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นน้อยในขณะตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตาม หญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะโภชนาการก่อนการตั้งครรภ์ที่แตกต่างกัน ขณะตั้งครรภ์จึงควรบริโภคอาหารตามภาวะโภชนาการ
หญิงตั้งครรภ์ทุกคน ควรบริโภคอาหารให้ครบ 5 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มข้าว-แป้ง กลุ่มผัก กลุ่มผลไม้ กลุ่มเนื้อสัตว์ และกลุ่มนม ในปริมาณที่เหมาะสมแต่ละวันขณะตั้งครรภ์ เนื่องจากหญิงตั้งครรภ์มีความต้องการพลังงานและสารอาหารมากขึ้น การบริโภคอาหาร 3 มื้อหลัก จะไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย จึงต้องมีอาหารว่างซึ่งเป็นอาหารระหว่างมื้อ ได้แก่ อาหารว่างเช้าและบ่าย
ที่สำคัญต้องกินอาหารให้หลากหลาย เพื่อให้ได้พลังงานและสารอาหารสำคัญเพียงพอตามที่ร่างกายต้องการ ได้แก่ โปรตีน ไอโอดีน เหล็ก แคลเซียม สังกะสี โฟเลต วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 6 วิตามินบี 12 และวิตามินซี ซึ่งจะส่งผลให้ทารกในครรภ์เจริญเติบโตดี
นอกจากการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมวดหมู แล้วสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่น้ำหนักน้อยกว่าเกณฑ์ควรดูแลเรื่องการบริโภคอาหารเพิ่มเติม ดังนี้
- เพิ่มปริมาณอาหารประเภทที่ให้พลังงาน เพื่อให้มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น ได้แก่ อาหารประเภทข้าว-แป้ง เช่น ข้าวเจ้า ข้าวเหนียว ก๋วยเตี๋ยว ขนมจีน ขนมปัง เผือก มัน เป็นต้น และอาหารไขมัน เช่น น้ำมัน โดยการปรุงอาหารด้วยวิธีทอดหรือผัด และกะทิ เช่น กล้วยบวดชี ฟักทองแกงบวด ข้าวต้มมัด เป็นต้น
- เพิ่มอาหารกลุ่มเนื้อสัตว์ และกลุ่มนม หากบริโภคไม่เพียงพอ เพื่อให้ได้สารอาหารโปรตีน ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างเนื้อเยื่อต่างๆ รวมทั้งการเจริญเติบโตของเซลล์สมอง
- การเพิ่มปริมาณอาหาร ต้องค่อยๆ เพิ่มทีละน้อย จนได้ตามปริมาณที่แนะนำ
- เพิ่มปริมาณและจำนวนครั้งของอาหารระหว่างมื้อ ได้แก่ อาหารว่างเช้า บ่าย และค่ำเพื่อเพิ่มพลังงานและสารอาหาร
- งดกินขนม-เครื่องดื่มที่มีคุณค่าทางโภชนาการต่ำ เช่น ขนมขบเคี้ยว ขนม-เครื่องดื่มที่มีรสหวานจัด เป็นต้น
นอกจากเรื่องอาหาร คุณแม่ท้องควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อลดอาการแทรกซ้อนในขณะตั้งครรภ์ เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และระบบการย่อยอาหารดีขึ้นค่ะ