รู้จัก “อีวิงซาร์โคม่า” มะเร็งกระดูกในเด็กที่พบได้บ่อย

0

“มะเร็งกระดูก” จัดเป็นโรคร้ายที่น่ากลัวและมีแนวโน้มพบได้มากขึ้นเรื่อย ๆ ในส่วนของโรคมะเร็งกระดูกในเด็กมีหลายชนิด  ซึ่งแต่ละชนิดมีความรุนแรงของโรคต่างกัน ในที่นี้ขอโฟกัสไปที่หนึ่งในมะเร็งกระดูกในเด็กที่พบได้บ่อยอย่าง “โรคมะเร็งกระดูกอีวิงซาร์โคม่า”

 

โรคมะเร็งกระดูกอีวิงซาร์โคม่าเป็นโรคมะเร็งของกระดูกและเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่พบบ่อยในเด็ก วัยรุ่น หรือผู้ใหญ่ที่อายุน้อยกว่า 30 ปี แต่มีความชุกที่สุดในผู้ป่วยช่วงอายุ 10-20 ปี นอกจากนี้ ยังเป็นมะเร็งกระดูกในเด็กที่พบได้บ่อยเป็นอันดับสองรองจาก Osteosarcoma จนถึงปัจจุบัน ยังไม่ทราบสาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งกระดูกในเด็ก  แต่จากการศึกษาทางการแพทย์พบว่า อาจเกิดจากมีความผิดปรกติจากพันธุกรรมชนิดไม่ถ่ายทอดบางชนิด ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมเกี่ยวกับการเจริญเติบโตของเซลล์กระดูก

 

2

 

โรคมะเร็งอีวิงซาร์โคม่า นี้จะพบบ่อยในกระดูกระยางค์ทั้งแขนและขา แต่ช่วงต้นขาและรอบเข่าจะพบบ่อยที่สุด แต่ในบางครั้ง อาจจะพบในตำแหน่งกระดูกส่วนแกนกลางร่างกาย เช่น กระดูกเชิงกราน กระดูกเบนเหน็บ หรือกระดูกสันหลัง ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ตรวจพบยากกว่า เนื่องจากลึกกว่า จึงมักปรากฏอาการช้า โดยอาการที่พบ เมื่อตัวโรคกำเนิดที่กระดูกระยางค์ ได้แก่ ปวด บวม คลำได้ก้อน บางครั้งอาจจะพบอาการที่คล้ายการติดเชื้อ เช่น มีไข้ ปวดเมื่อยตามตัว อ่อนเพลียน้ำหนักลด เป็นต้น เนื่องจากเซลล์ต้นกำเนิดของโรคเป็นเซลล์ที่คล้ายกับเซลล์ของกลุ่มโรคที่มีการอักเสบและติดเชื้อ

 

ในขณะที่อาการที่พบในผู้ป่วยที่มีรอยโรคในกระดูกแกนกลางลำตัว จะมีอาการปวดบริเวณรอยโรคหรือปวดร้าวไปบริเวณอื่น อันเนื่องจากมีการกดทับหรือเบียดเส้นประสาท ส่วนการคลำก้อนจะทำได้ยากกว่าก้อนที่อยู่บริเวณระยางค์ นอกเสียจากก้อนมีขนาดใหญ่มาก ๆ จนนูนบวมออกมา โรคมะเร็งอีวิงซาโคม่านี้ หากผู้ป่วยได้เริ่มการรักษาโดยยังไม่มีการลุกลามไปที่อื่น จะมีอัตราการรอดชีวิตใน 5 ปี ที่ประมาน 50-60 % แต่จะลดลงเหลือเพียง 25-30 % หากมีการลุกลาม

 

การรักษาโรคมะเร็งอีวิงซาร์โคม่าที่ได้รับการวินิจฉัยและเริ่มต้นการรักษาอย่างรวดเร็วมักจะได้รับผลการรักษาที่ดี โดยการรักษาประกอบด้วย การให้ยาเคมีบำบัด การผ่าตัดและการฉายรังสีรักษาร่วมกัน การให้เคมีบำบัดจะให้ทั้งก่อนและหลังผ่าตัด เพื่อลดขนาดก้อนและลดอัตราการแพร่กระจายของโรค เพื่อให้การผ่าตัดนำก้อนออกให้เกลี้ยงแบบเป็นวงกว้างสามารถทำได้ง่ายขึ้น

 

ส่วนการฉายรังสีรักษาจะนิยมใช้ในกรณีที่ไม่สามารถนำก้อนออกแบบเป็นวงกว้างได้ทั้งหมด หรือผ่าตัดแล้วพบว่า นำก้อนออกไม่หมดซึ่งมักจะเป็นตำแหน่งที่ผ่าตัดได้ยาก เช่น กระดูกเชิงกราน กระดูกเบนเหน็บ หรือกระดูกสันหลัง เป็นต้น ซึ่งการฉายแสงนี้จะช่วยลดขนาดและลดอัตราการกลับมาเป็นซ้ำของตัวโรคนี้ได้ในระดับหนึ่ง

 

โอกาสของการรักษามะเร็งกระดูกให้หายขึ้นอยู่กับชนิดและระยะของมะเร็งกระดูก ดังนั้น การพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรักษาแต่เนิ่น ๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรทำอย่างยิ่ง

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *