ขนมสำหรับเด็กส่วนใหญ่มักผลิตมาจากแป้ง และน้ำตาลเป็นหลัก นอกจากไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายแล้ว ยังอาจทำให้เด็กน้อยเสียสุขภาพได้ด้วย แต่ครั้นจะไม่ซื้อให้หม่ำ เจ้าตัวเล็กก็คงงอแงสร้างความลำบากใจให้พ่อแม่เป็นแน่ ในเมื่อห้ามไม่ได้ เราก็ต้องรู้จักเลือกขนมที่ทั้งอร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการให้ลูกค่ะ
หลักการเลือกซื้อของว่างหรือขนมให้เด็ก
- ควรบริโภคอาหารว่างไม่เกินวันละ 2 มื้อ แต่ละมื้อให้พลังงานไม่เกินร้อยละ 10 ของพลังงานที่ต้องการในแต่ละวัน นั่นคือ สำหรับเด็กเล็ก (อายุ 2-5 ขวบ) ไม่เกินมื้อละ 100-130 กิโลแคลอรี, เด็กวัยเรียน (อายุ 6-12 ขวบ) ไม่เกินมื้อละ 150 กิโลแคลอรี, เด็กวัยรุ่น (อายุ 13-15 ปี) ไม่เกินมื้อละ 200 กิโลแคลอรี
- อาหารว่างที่ดีที่สุด คือ ผลไม้สดรสไม่หวาน ควรปลูกฝังให้เด็กหม่ำผลไม้แทนขนมหวานและขนมซอง
- อาหารว่างหรือขนมสำหรับเด็ก ควรจำกัดปริมาณน้ำมัน น้ำตาล และเกลือไม่ให้สูงเกินไป สำหรับอาหารว่างที่ควรมีประจำบ้าน ได้แก่ นมจืด ผลไม้สด ผลไม้อบแห้งที่ไม่เติมน้ำตาล ขนมปังกรอบโฮลวีท
- เลือกซื้อขนมที่มีสีธรรมชาติ ไม่ควรซื้อขนมที่ใส่สีสูดฉาด ไม่ควรเลือกขนมกรอบ หรือขนมเคลือบน้ำตาลที่เหนียวติดฟัน ไม่ควรซื้อขนมที่มีไขมันและน้ำตาลสูง รวมถึงไม่ควรซื้อขนมเก็บตุนไว้ในบ้านจำนวนมาก
- เด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ ไม่ควรกินลูกอม ลูกกวาด นมอัดเม็ด หรือถั่วเป็นเม็ด ๆ เพราะอาจเป็นอันตราย เด็กอาจจะสำลักทำให้ติดหลอดคอ รวมถึงเป็นของกินที่มีน้ำตาลสูง เสี่ยงต่ออาการฟันผุ
- ของว่างจำพวกเบเกอรี่ ควรเลือกขนมปังกรอบชนิดที่มีใยอาหารสูง หลีกเลี่ยงคุกกี้ พัฟ พาย เค้กหน้าครีม
- อ่านฉลากอาหารให้ดีก่อนซื้อขนมหรืออาหารว่าง เพื่อเลือกสิ่งที่ดีมีประโยชน์ให้ลูก
- ระวังในเรื่องส่วนผสมในขนม โดยเฉพาะสารเคมีต่าง ๆ ขนมถุงที่มีส่วนผสมของแป้ง ไขมัน การใส่สารเคมีช่วยให้ขนมกรอบและใส่สารกันหืน ไม่ควร ซื้อให้เด็กกิน
- ไม่ควรให้เด็กกินขนมซองเกิน 1 ซองเล็กต่อวัน ควรหลีกเลี่ยงขนมกรุบกรอบที่มีแป้งหรือไขมันสูง เช่น มันฝรั่งทอด ข้าวเกรียบ ถ้าเลี่ยงไม่ได้ให้เลือกชนิดที่มีโปรตีนสูงแทน เช่น ปลาเส้น เมล็ดพืชอบ ถั่วอบกรอบ
คุณพ่อคุณแม่ต้องระลึกไว้เสมอนะคะว่า ขนมไม่ใช่อาหารหลัก ควรมีการควบคุม และวินัยการกินที่ชัดเจน อย่าใจอ่อนไปกับความน่ารักของลูกจนเผลอให้กินขนมมากเกินพอดี เพราะอาจทำให้เด็กน้ำหนักเกินหรืออิ่มจนไม่อยากกินอาหารมื้อหลักซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเจ้าตัวซนได้ค่ะ
