หลายคนยังสับสนและแยกแยะความแตกต่างระหว่างเด็กที่เป็นโรคแอลดีกับเด็กที่เป็นโรคสมาธิสั้นไม่ได้ เพราะยังไม่เข้าใจรักษาอาการของโรคทั้งสองแบบ
โรคแอลดีเป็นความบกพร่องของการเรียนรู้เฉพาะด้าน การอ่าน การเขียน การคำนวณ สมาธิสั้นเป็นเรื่องของการรับรู้สิ่งแวดล้อมโดยรวม ภาวะของคนที่เป็นสมาธิสั้น มี 2 แบบ คือ ซน และ ไม่ซน และ 2 โรคนี้พบร่วมกันได้ แต่เป็นละเรื่องกันและอาจจะเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้
- สมาธิสั้นแบบไม่ซน เด็กกลุ่มนี้จะขาดหน่วยคัดกรองสิ่งเร้า หรือขาดระบบประสาทที่จัดลำดับความสำคัญสิ่งเร้า เช่น หากไปร้านอาหารที่เสียงดังกับเพื่อน มีเสียงหมาเห่าขึ้นมา เสียงคนคุยกัน เสียงกระทะ เด็กกลุ่มนี้จะตั้งใจฟังเพื่อนคุยกันไม่ได้ เพราะทุกสิ่งเร้าที่เข้ามามีความน่าสนใจเท่ากันหมด ไม่สามารถจดจ่อกับเรื่องสำคัญที่สุดตรงหน้าได้ เด็กจะดูเหม่อๆ ทำอะไรช้าๆ
- สมาธิสั้นแบบซน มีทั้งเรื่องขาดหน่วยกรองสิ่งเร้าและซนด้วย หากสิ่งแวดล้อมมีอะไรน่าตื่นเต้นเข้ามาเด็กมักเข้าไปจับ ไปดูไม่ระวังอันตราย มักได้แผลตั้งแต่เล็กๆ ขาดทั้งสมาธิ อยู่ไม่นิ่ง และหุนหันพลันแล่น เช่น ชอบพูดแทรก รออะไรไม่ได้ เข้าแถวก็จะแซง ไม่ค่อยมีสติในการยั้งตัวเอง ถ้าไม่ซน ก็อาจจะวิ่งหรือนั่งเขย่าขา
จุดเด่นของกลุ่มเด็กสมาธิสั้นก็คือ หากเป็นเรื่องที่เขาชอบ เขาสนใจ เขาจะสมาธิที่ดี ส่วนใหญ่สมาธิสั้นจะประสบปัญหามากช่วงอนุบาลจนมัธยมศึกษาตอนต้น ฉะนั้นการเลือกเรียนให้ถูกทาง เลือกทางที่ชอบที่ถนัด ก็จะมีสมาธิมากกว่าเดิม และเป็นที่น่ายินดีที่กลุ่มเด็กสมาธิสั้นมียาบรรเทา แต่ยาไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้เช่นเดียวกับโรคแอลดีค่ะ