“ลมพิษในเด็ก” เป็นโรคผิวหนังที่พบได้บ่อย มีลักษณะเป็นผื่นคัน นูน แดง บวม มีขอบเขตชัด มักจะเกิดขึ้นและหายภายใน 24 – 48 ชั่วโมง และอาจเป็นซ้ำอีกได้ ถ้าเป็น ๆ หาย ๆ นานเกินกว่า 6 สัปดาห์ เรียกว่า “ลมพิษเรื้อรัง” เพื่อป้องกันไม่ให้เบบี๋ที่รักป่วยด้วยโรคลมพิษพ่อแม่ต้องรู้สาเหตุของโรคก่อนค่ะ
ลมพิษในเด็ก มีอาการเช่นเดียวกับลมพิษที่เกิดในผู้ใหญ่ แต่เพราะความที่เป็นเด็กน้อย อาการคันอาจจะทำให้เบบี๋ทนไม่ได้ นำไปสู่การร้องไห้งอแง โดยสาเหตุของผื่นลมพิษที่เกิดกับทารก ได้แก่…
- การติดเชื้อ พบได้ทั้งการติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อราและปรสิต เช่น เป็นหวัด ติดเชื้อทางเดินหายใจ
- ยาและอาหาร โดยอาหารที่พบว่าแพ้บ่อย ได้แก่ ถั่ว ไข่ นมวัว อาหารทะเล ช็อกโกแลต ผลไม้รสเปรี้ยว สตรอเบอรี่ สารกันบูด ส่วนยาที่พบว่าแพ้ได้บ่อย ได้แก่ ยาปฏิชีวนะในกลุ่มเพนนิซิลลิน ซัลโฟนาไมด์ เตตร้าซัยคลิน ยากันชัก ยาลดไข้ในกลุ่มแอสไพรินและ NSIADS เป็นต้น ฉะนั้นต้องระมัดระวังก่อนให้ลูกกินยาค่ะ
- การฉีดสารที่ทำให้เกิดการแพ้ เช่น ยาปฏิชีวนะ วัคซีน การได้รับเลือดและส่วนประกอบของเลือด
- การสูดหายใจ เช่น ไรฝุ่น เกสรดอกไม้ นอกจากนี้ยังมีสาเหตุจากอากาศ เช่น แพ้อากาศร้อน หรือแพ้แดด
- การถูกแมลงสัตว์กัดต่อย เมื่อแมลงกัดมันจะปล่อยสารพิษเข้าผิวหนัง ทำให้เกิดอาการแพ้ตั้งแต่แพ้อย่างอ่อน คือ มีอาการคัน บวมและแดง ปวดข้อ คัน บางคนมีอาการรุนแรงถึงขั้นแขนหรือขาบวม
- เกิดจากกรรมพันธุ์ ของคนในครอบครัว
ในส่วนของการรักษา ทำได้โดยหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้แพ้ เช่น ยาหรืออาหาร รวมถึงรักษาตามอาการ ถ้ามีอาการไม่รุนแรง ผิวมีผื่นแดงเล็กน้อยอาการจะหายไปเอง หรืออาจให้ยา เช่น ทาคาลาไมน์ลดอาการคัน ส่วนรายที่เป็นรุนแรงและเฉียบพลัน ควรรีบไปพบแพทย์ทันที ได้แก่ มีอาการบวมของบริเวณเยื่อบุภายในร่างกาย เช่น ตาบวม ปากบวม, ปวดท้องรุนแรง, ลูกอาจมีอาการติดขัดหายใจไม่ออก งอแง หัวใจเต้นผิดปกติ กระสับกระส่าย ร้องไห้ไม่หยุด เด็กบางคนมีอาการช็อก
ขีดเส้นใต้ไว้เลยนะคะว่า ถ้าลูกมีอาการลมพิษ พ่อแม่ไม่ควรไปสัมผัส กอดรัด บริเวณผื่นมากนัก เพราะอาจทำให้ผื่นลุกลามได้ค่ะ สำหรับเบบี๋ที่เป็นลมพิษเรื้อรัง พ่อแม่ควรรีบพาไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุค่ะ
